วันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2555

หงาคาราวาน

เรื่องตำนานเพลงเพื่อชิวิต ตำนานเพลงบลูส์ เพลงร็อค ฯ ความสวยงามในอดีต ปัจจุบันไม่รู้เด็กรุ่นหลังจะได้เจอบ้างหรือเปล่า  เมื่อก่อนผมก็ฟัง บีบีคิงส์ เนลยัง บ็อบไดเล็น และฮาร์ทร็อคหลายๆวงกว่าจะมารู้จัก คาราวาน  และมีเรื่องราวมากมายที่เป็นตำนานที่น่าสนใจ

แรกๆผมไม่ได้ชอบฟังคาราวาน โดยเฉพาะชุดแรก เพราะผมไม่ค่อยสนใจเรื่องการเมืองเรื่องการต่อสู้กับเผด็จการเท่าไหร่เห็นว่าแกออกแนวเป็น คอมมิวนิตส์ด้วยตามข่าวนะเพราะสมัยนั้นยังฟังความข้างเดียวอยู่การรับรู้ข่าวสารสมัยนั้นยังเป็นเรื่องยากอยู่


แต่พอดีเห็นพี่ๆ เพื่อนๆฟังกันอยู่หลายคนบางคนก็เป็นรุ่นที่อยู่ในเหตุการณ์ได้กินเหล้ากับเขาแล้วเขาร้องให้แล้วเล่าเรื่องความหลังให้ฟังแล้วก็อึ้งคือเข้าใจความรู้สึกของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ส่วนพี่หงาเห็นแกได้รางวัลบ่อย เวลามารับรางวัลดูพี่แกไม่ค่อยอยากได้ แต่งตัวมาก็ยังกะเด็กแลวัวแถวบ้านๆ ชุดเก่าๆใส่รองเท้าแตะ เลยรู้สึกสนใจคิดว่าคงเป็นนักปราชญ์ เลยเข้ามาดู เห็นประวัติแกชอบสไตล์บลูส์ ชอบ เนลยังผู้ยิ่งใหญ่ด้วย ชักเหมือนกันแฮะ พอเข้ามาจึงรู้ว่าพี่แกแต่งเพลงไว้มาก และบอกไว้ด้วย ว่าเอามาจากไหนจากใคร ทั้งเนื้อร้องและทำนอง รู้สึกว่าแกเก่งจริงเพราะไมได้โอ้อวดว่า กูแต่งเองทั้งหมดเหมือนศิลปินดังบางคน ทั้งๆที่ลอกเขามาจากต่างประเทศทั้งนั้น แต่คนไทยไม่รู้หรือไม่สนใจ มีหลายเพลงที่ผมชอบ เช่น เปิบข้าว - ข้าวคอยฝน - จิตร ภูมิศักดิ์ - ใกล้ตาไกลตีน - คืน รัง - หนุมพเนจรฯลฯ ...มาฟังพี่หงา กับพวกสักเพลงดีกว่าครับ

 ประวัติและผลงานย่อๆ ของพี่หงา คาราวาน (ลอกจาก วิกิพีเดีย)

สุรชัย จันทิมาธร หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ หงา คาราวาน เป็นนักร้องนำและหนึ่งในผู้ก่อตั้งวงคาราวาน สุรชัยเป็นนักแต่งเพลงชั้นแนวหน้าคนหนึ่งของวงการเพลงไทย ผู้คนในวงการเพลงเพื่อชีวิตมักเรียกเขาอย่างนับถือว่า น้าหงา หรือ พี่หงา และได้รับการยกย่องให้เป็น อาจารย์ใหญ่แห่งวงการเพลงเพื่อชีวิต
     
 สุรชัยเกิดที่อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2491 ในครอบครัวชาวไทยเชื้อสายเขมร เป็นบุตรชายคนที่ 4 ของนายยุทธและนางเล็ก จันทิมาธร มีชื่อเล่นว่า "หงา" ซึ่งเป็นภาษาเขมรมีความหมายถึง เด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ ที่น่ารัก (มีชื่อเดิมว่า องอาจ แต่ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น สุรชัย ตามชื่อของสุรชัย ลูกสุรินทร์ นักมวยไทยที่มีชื่อเสียงที่สุรชัยชื่นชอบ) น้าหงา บิดารับราชการเป็นครูใหญ่โรงเรียนรัตนบุรี ดังนั้นจึงเป็นการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านของสุรชัยมาตั้งแต่เด็ก ๆ ที่เมื่อโตขึ้นมาได้เข้ากรุงเทพ ฯ เพื่อเรียนต่อในด้านศิลปะที่วิทยาลัยช่างศิลป์ และได้รู้จักกับนักคิด นักเขียนคนอื่น ๆ ที่ต่อมากลายมาเป็นนักเขียนชั้นแนวหน้าคนอื่น ๆ ของประเทศ เช่น สุวรรณี สุคนธา, สุจิตต์ วงษ์เทศ เป็นต้น ซึ่งการเป็นนักเขียนของสุรชัยเริ่มต้นขึ้นที่นี่ในปี พ.ศ. 2516 สุรชัยได้ร่วมกับ วีระศักดิ์ สุนทรศรี (แดง) ก่อตั้งวงท.เสน และสัญจร ขึ้น และเมื่อปี พ.ศ. 2517 ได้รวมกับวงบังคลาเทศแบนด์ ของมงคล อุทก (หว่อง) และทองกราน ทานา เปลี่ยนเป็นวงคาราวาน สุรชัยได้แต่งเพลงเพื่ออุทิศให้กับบุคคลสำคัญของไทยหลายคน เช่น จิตร ภูมิศักดิ์, ปรีดี พนมยงค์, สืบ นาคะเสถียร และ รงค์ วงษ์สวรรค์

หลังเหตุการณ์ 6 ตุลา สุรชัยและพรรคพวกบางส่วนได้หลบหนีเข้าป่าไปอยู่กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเฉกเช่นนักศึกษาและปัญญาชนคนอื่น ๆ โดยสุรชัยทำหน้าที่คอยให้ความบันเทิง ร้องเพลง โดยมีชื่อจัดตั้งว่า "สหายพันตา" เมื่อสถานการณ์ทางการเมืองสงบลง สุรชัยและพรรคพวกได้เดินทางออกจากป่า และได้แต่งเพลงซึ่งเป็นเพลงอมตะของคาราวานและสุรชัย บอกเล่าถึงสภาพจิตใจที่ออกจากป่ามาสู่เมือง คือเพลง คืนรัง ซึ่งเป็นเพลงที่แต่งก่อนขึ้นแสดงดนตรีเพื่อการกุศลของยูนิเซฟ โดยใช้เวลาแต่งเพียง 5 นาที แต่ได้ชื่อว่าเป็นเพลงที่ประสบความสำเร็จสูงสุดเพลงหนึ่งเลยทีเดียว

สมาชิกยุคแรกของวงคาราวานประกอบไปด้วย สุรชัย จันทิมาธร (หงา) ร้องนำ, วีระศักดิ์ สุนทรศรี (แดง) เล่นกีตาร์, ทองกราน ทานา (อืด) เล่นกีตาร์ลีด ฟลุต และร้องประสาน, มงคล อุทก (หว่อง) เป่าเมาท์ออร์แกน พิณ และร้องประสาน นอกจากนั้นยังมีสมาชิกชั่วคราวคนอื่นๆ เช่น พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ (หมู) อู๊ด ยานนาวา ชัคกี้ ธัญญรัตน์ อีกด้วย


  เพลงของคาราวานโดยส่วนใหญ่แต่งโดยหงา ยกเว้นบางบทเพลงเช่น
- นกสีเหลือง และบูบู โดยวินัย อุกฤษณ์ - คนกับควาย โดยสมคิด สิงสง
- อีสาน โดยอัศนี พลจันทร
- ลุกขึ้นสู้ และ กุหลาบแดง โดยมงคล อุทก
- อเมริกันอันตราย โดยทองกราน ทานา และ วีระศักดิ์ สุนทรศรี

          
 
ชีวิตส่วนตัว

สุรชัยมีภรรยาสองคน และบุตรชาย 2 คน ภรรยาคนแรกชื่อ จิราพร จันทิมาธร มีบุตรชายคือ คณิน จันทิมาธร ส่วนภรรยาคนที่สอง พิสดา จันทิมาธร มีบุตรชายคือ พิฆเณศร์ จันทิมาธร(กันตรึม) เกิด พ.ศ. 2538

ผลงานหนังสือ


เรื่องสั้น

มาจากที่ราบสูง, เดินไปสู่หนไหน, ความบ้ามาเยือน, ข้างถนน และรวมเล่มเป็น "ก่อนเคลื่อนคาราวาน"
รวมเรื่องสั้น
ดวงตะวันสีแดง , ดอกอะไรก็ไม่รู้ (รวมเรื่องสั้นคัดสรรเน้นฉากเมือง)

บทกวี

จารึกบนหนังเสือ , เมดอินเจแปน และ เนื้อนัย
นวนิยายเล่มเดียว
ก่อนฟ้าสาง
บันทึกและความเรียง
จากราวไพร สู่ป่าคอนกรีต , คือคนลำเค็ญ
ดนตรีคาราวาน และ ผ่านตา พันใจ

รางวัล
รางวัลศรีบูรพา ประจำปี พ.ศ. 2549 ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบสำหรับศิลปิน นักคิดนักเขียน และนักหนังสือพิมพ์ ผู้มีผลงานอันทรงคุณค่ามีชีวิตที่เป็นแบบอย่าง มาทุกปีตั้งแต่ พ.ศ. 2531
ศิลปินแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2553 สาขาวรรณศิลป์                       

คือ  ไม่รู้นะเป็นความรู้สึกส่วนตัว ผมดูนักดนตรีคนอื่นๆพอแก่ตัวแล้วดูเปลี่ยนไปไม่ค่อยน่าดูเหมือนตอนรุ่นๆเช่นวงร็อกทั้งหลาย ตอนรุ่นๆแล้วดูเท่ห์ เร้าใจ พอแก่แล้ว สังขารกับบทเพลงที่เคยโด่งดังเวลาศิลปินมาเปิด คอนเสิร์ทแล้วเล่นเพลงเก่าๆสมัยที่ยังรุ่นๆดูแล้วมันไม่เข้ากัน แต่กับพี่หงาและพี่หว่อง มงคล อุทก พอแก่แล้วผมว่ายิ่งดูดีดูแล้วคลาสสิก คล้ายๆ บ็อบไดเลนBob dylan หรือลุง บีบีคิงส์ แก่แล้วเล่นเพลงเดิมๆของตัวเองยังดูดีอยู่ สรุปคือผมชอบพี่หงา คาราวานจริงครับ
ระยะหลัง เมื่อประเทศไทยเดินมาถึงจุดหนึ่งของการปกครองระบอบประชาธิปไตย เพื่อนฝูงที่เคยคบกันยาวนานเคยต่อสู้ร่วมกันมาก็ถึงคราวแตก อย่างกวี หงา สุรชัย กับ วิสา คัญทัพก็ยืนกันคนละด้าน และมีวาทะโต้กันตอนหนึ่งในเดือน กรกฎาคม พศ.2555 ดังนี้
หงาคาราวานได้เขียนบทกวีขึ้นก่อน


                 หลังจานั้นไม่นาน วิสา ก็เขียนตอบโต้
                 บทกวี “จึงเรียนมาด้วยความไม่เคารพศาลแห่งสี” ของ “วิสา คัญทัพ”          



                   
ในอดีตพี่หงา และวิสา เคยเป็นเพื่อนกัน เคยออกผลงานร่วมกัน แต่เดี๋ยวนี้เราอยู่ในระบอบประชาธิปไตยมีความเห็นแตกต่างกัน เลยต้องยืนคนละข้าง ไม่รู้ลึกๆแล้วจะโกรธกันจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้แล้วหลังจากนั้นไม่กี่วันคุณ อดิศร เพียงเกศ และวิสา คัญทัพ ก็ได้ออกรายการทีวีช่ิองเสื้อแดง สำภาษณ์ พี่หงา และมีแฟนๆเสื้อแดงช่วยกันรุมอัด ตามประสาคนไม่ชอบ   สำหรับผมแล้วผมไม่ว่านะครับถึงผมจะชอบน้าหงามากแค่ไหน หากใครเขามาด่าผมก็ไม่ว่าไม่โกรธ  ถือเป็นเรื่องปกติ ที่มนุษย์คนย่อมมองว่าตัวเองถูกและดีเสมอ


                                      






วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ธรรมจากอาจารย์ฝั้น อาจาโร

ธรรมะจากพระอริยสงฆ์     จาก
http://www.yclsakhon.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=308196

วาทะคำสอนของพระอาจารย์ฝั้น อาจาโ
วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร


1. บุญและบาปสิ่งใดๆ ใจถึงก่อนใจเป็นรากฐาน ใจเป็นประธาน มันสำเร็จที่ใจ
2. ตัวบุญคือใจสะบาย เย็นอกเย็นใจ ตัวบาปคือใจไม่สบาย ใจเดือดใจร้อน
3. เราไม่อยากเป็นกรรมเป็นเวร เราต้องตัด ตัดอารมณ์น่ะหละ ให้อยู่ในที่รู้ อยู่ตรงไหน แล้วเราก็เพ่งอยู่ตรงนั้น
4.ปัญญาคือ ความรอบรู้ในกองทุกข์สังขาร
5. ถ้าคนเราไม่ได้ทำ ไม่ได้หัดไม่ได้ขัด ไม่ได้เกลา ที่ไหนเล่า จะมีพระอรหันต์ในโลก

6. ให้สติกำหนดที่ผู้รู้ อย่าส่งไปข้างหน้า ข้างหลัง ข้างซ้าย ข้างขวา ข้างบน ข้างล่าง อดีต อนาคต กำหนดอยู่ที่ผู้รู้แห่งเดียวเท่านั้นแหละ

7. พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อยู่ที่ใจ ในใจ

8. จำไว้พุทโธ ธัมโม สังโฆ ทำอะไรๆ ก็พุทโธ กลัวก็พุทโธ ใจไม่ดีก็พุทโธ ขี้เกียจก็พุทโธ ท่านให้พิจารณามูลกรรมฐานก่อนม๊ด เวลาบวชพิจารณาเพราะเหตุใด เพื่อไม่ให้หลงถือทิฐิมานะอหังการ ถือว่าเป็นตัวเป็นตน เป็นสัตว์เป็นบุคคล เป็นเรา เป็นเขา มันจึงหลง

9. เราต้องปฎิบัติอย่างฝากตาย
10. ศีลห้านี้ คือ ขาสอง แขนสอง ศีรษะอันหนึ่ง เรารักษาห้าอย่างนี้ไม่ให้ไปทำโทษห้า คือ อันใดเล่า ปาณานั้นก็โทษ อทินนานั่นก็โทษ กาเมนั่นก็โทษ มุสานี่นก็โทษ สุรานั่นก็โทษ พระพุทธเจ้าให้เว้น เวรมณี คือ ละเว้น

11. อยากสวยให้ถือศีล อยากรวยให้ทำทาน อยากมีปัญญาชาญให้ภาวนา
12. จิตของเราสงบเป็นสมาธิ มันรู้สึกสบาย ส - บ๊ - า - ย เย็นอก เย็นใจ หายทุกข์ หายยาก หายรำบากรำคาญ
13. ผู้รู้ไม่ใช้ของแตกของทำลายของตายของดับ
14. ถ้าใจเราดีแล้ว ทำอะไร๊ก็ดี ไปไหนๆก็ดี ทำการทำงานก็ดี ทำราชการก็ดี ครอบครัวก็ดี พี่น้องก็ดี ชาวบ้านร้านตลาดก็ดี ประเทศชาติก็ดี
15. ความสุขอันใดเสมอจุดสงบไม่มี

16. ธรรมของพระพุทธเจ้าแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์นั้น อยู่ที่ตัวเรา ไม่ใช่ที่ไหนอื่น
17. กรรมดีกรรมชั่ว ผู้นี้เป็นผู้กำเอาเป็นผู้ทำเอาไม่เห็นมีกรรมมาจากต้นไม้ภูเขาเหล่ากา ไม่เห็นมีกรรมมาจากฟ้าอากาศ มาจากกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม กรรมเท่านี้แหละ
18. เราเกิดมามีกรรมฐานห้ามาพร้อม ทีนี้กับคนแก่พระกรรมฐานขาดไปองค์หนึ่ง ทันตาฟันไงล่ะ เด็กมันเกิดมาฟันยังไม่เกิด พระกรรมฐานขาดไปองค์หนึ่ง คนแก่ฟันหลุดหมด พระกรรมฐานก็ขาดไปองค์หนึ่ง
19. วิธีอื่นไม่มีจะตัดบาปตัดกรรมตัดเวร นอกจากเรานั่งสมาธินี้
20. มโนกรรมคือความน้อมนึกระลึกกรรมอันใดไว้ เป็นบุญหรือเป็นบาป เราจะรับผลของกรรมนั้นสืบไป

21. บุญคือความสุข บุญคือความเจริญ บุญคือคุณงามความดี มันตรงไหนล่ะ เงินเขาก็ไม่ได้ว่าเขามีความสุข ถามดูซิ เงินเจ้ามีความสุขไม๊ เขาเฉย ไม่ใช่เรอะ นี่แหละ ถ้าใจเราไม่สงบมันก็ไม่มีความสุขล่ะ ถ้าใจเราไม่มีความดีก็ไม่มีซี้
22. อยากรู้อะไร ตามที่เป็นจริง ให้น้อมเข้ามาภายในโอปะนะยิโก เพราะอะไรๆ มันเกิดมาจากภายใน
23. สิ่งทั้งหลายทั้งหมดเกิดจากดวงใจของเรา มโนความน้อมนึก
24. สมุทัย คือ มหาสมุทร จมในมหาสมุทร คือ หลงสมมติ
25. เมื่อจิตสงบนิ่งแล้วเราอย่าไปหา ไปหาแล้วมันเป็นตัณหา

26. เรานั้งอยู่นี่มันเกิดกี่ภพกี่ชาติแล้ว ภเว ภวา สัมภวันติ มันเที่ยวก่อภพน้อยๆ ใหญ่ๆ อยู่ มันห้ามไม่ได้ เรานั้งสมาธินี้เพื่อห้ามไม่ให้มันเกิด
27. เราทำอย่างนี้เรียกปฏิบัติบูชา บูชาพระพุทธเจ้าอย่างเลิศ อย่างประเสริฐที่สุด บุญอันใดจะเท่าเรานั่งสมาธิภาวนาไม่มี
28. ถ้าหยุดหาเสียเมื่อใด มาตั้งใจปฏิบัติธรรม ก็เห็นธรรมเมื่อนั้น
29. เวลานี้เราเข้าใจอย่างอื่นว่าเป็นศาสนา ไปเรียนอย่างอื่นไม่ใช้โอปะนะยิกธรรม ไม่น้อมเข้ามาหาตัวเราก็ไม่เห็นซี่
30. เพ่งดูนโม อาการสามสิบสองเพ่งให้เห็นแจ่มแจ้งภควา ผู้จำแนกแจกธรรม แจกเข้าแล้วมันก็ไม่มีคน อันนั้นเป็นผม เป็นขน เป็นเล็บ เป็นฟัน เป็นผิวหนัง เป็นตับไต ไส้น้อย ไส้ใหญ่ อาหารเก่า อาหารใหม่ มันไม่ใช่ตัวตนนี่ มันไม่ใช้คนนี่
31. ธรรมะแปดหมื่นสี่พันไม่ใช่อะไร รวมแล้วได้แก่พระสูตร คือ ลมหายใจเข้า พระวินัย คือลมหายใจออก พระปรมัตถ์ผู้รู้ที่อยู่ข้างใน

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

นกเขา

นกเขา. แม้ว่าโลกสมัยใหม่จะเปลี่ยนแปลงไปมาก สังคมเมืองตึกรามบ้านช่องจะรุกเข้ามาแทนที่สังคมพื้นบ้านเดิมๆ แต่ในหมู่คนที่ชอบนกเขาแล้ว ก็ยังเหนียวแน่นเหมือนเดิม โดยเฉพาะชุมชนมุสลิม 4 จังหวัดชายแดนใต้ กลับคึกคักยิ่งกว่าเดิม เพราะนกเขาในหมู่ประเทศอาเซียนถือเป็น กีฬา หรือ? ที่นิยมเล่นกันมากประเภทหนึ่ง และมีการจัดแข่งขันระดับภูมิภาคเป็นประจำ




นกเขา นกชนิดเดียวที่ชื่อเหมือนไม่ใช่นกเรา  แม้นว่ามันจะอยู่กับเราตลอดเวลาก็เถอะ  นกเขาเป็นนกที่ผมชอบที่สุดรักที่สุด คู่กับนกบินหลา แม้ว่าผมจะไม่เคยเลี้ยงมันไว้ในกรง แต่หากมันเข้ามาอยู่ในบริเวณบ้านแล้วจะถือเป็นสัตว์ค้มครอง จะนักเลงที่ไหนก็เถอะห้ามมายิงมาทำร้ายเด็ดขาดจนผมเองเกือบจะโดนวัยรุ่นไม่พอใจกับเเรื่องนกเขานี่หลายครั้งเหมือนกัน เพราะปกติผมจะชอบฟังเสียงนกบินหลาร้องเพลง หรือนกเขาขันตามต้นไม้นี่จะชอบมากๆ

นี่หมายถึงนกเขาจริงๆนะครับ ไม่ใช่นกเขาอย่างว่า อันว่านกเขานั้นถ้าเป็นคนธรรมดาหากไม่ขันต้องระวังโรคหัวใจโรคเบาหวานถามหานะครับ ถ้าเป็นบรรพชิตนี่ผมไม่รู้   ผมยังจำเรื่องที่แม่เจียมของผมเล่าให้ฟังว่า ก่อนที่ท่านจะตั้งท้องเมื่อตอนคลอดผม  ท่านฝันว่าไปเจอนกเขาเล็กตัวหนึ่งสวยปากแดง พูดได้ด้วย นกเขาบอกว่าขอมาอยู่ด้วยไม่อยากไปอยู่กับคนอื่นมีแต่คนใจร้ายทั้งนั้น นั่นแหละหลังจากนั้นท่านถึงได้ท้องสงสัยตัวผมเองคงเป็นวิญญานนกเขามาเกิด ผมว่าแล้วทำไมผมถึงได้เป็นคนน่ารัก  ไปดูเรื่องนกเขา กันดีกว่านะครับ
                                                     
                                                     นกเขาชอบทำรังอยู่ที่ต้นไม้ใกล้บ้าน


แหล่งเพาะพันธ์นกเขาที่โด่งดังทางภาคใต้อยู่ที่บ้านสกอม อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา บ้านบังสม้อ คนดังของหนังตลุง..ที่สะกอมนี้จะเป็นชายหาดเลยจังหวัดสงขลาลงไปทางปปัตตานี นอกจากนกเขาแล้วยังเป็นแหล่งเพาะพันธ์นกกรงหัวจุกด้วย แต่สถานที่ประกวดใหญ่ ระดับอาเซียนจะจัดที่ จังหวัดยะลาเป็นส่วนใหญ่นกเขา จัดอยู่ในวงศ์ Columbidae


นกเขาที่พบในประเทศไทยมีนกเขาพม่า นกเขาไฟ นกเขาเขียว นกเขาเปล้า นกเขาหม้อ นกเขาตู้ นกเขาป่า นกเขาแขก หรือนกเขาเทศ นกเขานา นกเขาฟ้า นกเขาใหญ่หรือนกเขาหลวง และนกเขาชวาหรือนกเขาเล็ก ในบรรดานกเขาเหล่านี้บางชนิดนิยมเลี้ยงไว้ดูเล่น เพราะกล่าวกันว่าการเลี้ยงนกที่ดีจะทำให้บังเกิดความสุข บางชนิดนิยมเลี้ยงไว้ฟังเสียง และบางชนิดนิยมเลี้ยงไว้เป็นอาหาร หรือนำไปขายซึ่งบางตัวราคาเป็นแสนเป็นล้าน ถ้าลักษณะของนกตัวนั้นมีลักษณะดีตามตำราหรือกำลังได้รับความนิยม


 ชายหาดสกอมพังจะหมดแล้วจากคลื่นมรสุมและพายุ ต้องสัมนาหาทางแก้ไขอยู่ (ปี 2555 )  ออกนอกเรื่องหน่อยครับ เรื่องชายหาดสกอม จริงๆแล้วก็พังเกือบทุกหาดในย่านนั้นตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมาก็ต้องหาวิธีแก้ไข  ไปเรื่องนกเขาครับ....สำหรับนกเขาที่คนนิยมเลี้ยงไว้ดูเล่นและฟังเสียง ได้แก่ นกเขาใหญ่ นกเขาชวา และนกเขาไฟ โดยนกเขาไฟมีข้อพิเศษอยู่ตรงที่ชาวต่างจังหวัดนิยมเลี้ยงไว้ดูเล่น ส่วนชาวกรุงเทพฯ นิยมเลี้ยงไว้เป็นอาหารมากกว่าจะเลี้ยงไว้ดูเล่น  แต่เห็นคนที่ชอบมายิงนกเขาแถวบ้านถามว่ารสชาติเป็นยังไง แกว่ามันอร่อยผมก็ไม่เคยกิน เคยกินแต่นกกระจิบ นกกระจอก นกกระเต็น นกพริก ฯลฯ เว้นแต่นกเขากับบินหลาจะไม่กิน ถือว่ามันเป็นเพื่อนเป็นลูกเป็นหลาน

             

นกเขาชวา (Zebra Dove) หรือนกเขาเล็ก

นกเขาชนิดนี้เป็นนกเขาที่มีขนาดเล็ก เล็กแต่คุณภาพสูงเพราะราคาแพงมากสำหรับตัวที่เสียงดี เสียงนกเขาเล็กจะมีเสียงขันอันไพเราะเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วไป คนชอบฟังเสียงนกทั่วไป มักไม่ค่อยชอบฟังเพลงเท่าไหร่ นอกจากนี้ยังเชื่อถือกันว่า นกเขาชวา เป็นนกที่นำโชคลาภมาให้แก่ผู้เลี้ยงอีกด้วย
ชื่ออื่นนกเขาเล็ก Merbok/Ketitir (Malay) ; Perkutut (Indonesia)  ชื่อสามัญ  Zebra Dove ; Barred ground Dove ; Javanese striated Ground Dove Peaceful Doveชื่อวิทยาศาสตร์  Geopelia striata (Linnaeus)



ถิ่นกำเนิด :
 มีอาศัยอยู่ในประเทศแถบเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ พบมากในแถบภาคกลางภาคใต้ของไทย ปัจจุบันถูกนำมาเลี้ยงในประเทศและแพร่พันธุ์ได้ดีไปทุกภาค พบได้ในทุ่งโล่ง และป่าละเมาะ นกเขาชวา ยังพบในฟิลิปปินส์ และออสเตรเลียด้วย นกเขาชอบทำรังอยู่ใกล้ต้นไม้ใกล้ๆบ้าน  มีให้เห็นบ่อยไม่ว่าจะเป็นต้นมะม่วง ต้นตีนเป็ด(พญสัตบรรณ)ฯ

รูปร่างลักษณะ :
ตัวเล็กกว่านกเขาชนิดอื่น ๆ ขนปกคลุมตัวสีน้ำตาลหัวสีเทา หรือมีสีที่หัวเป็นสีน้ำเงิน ด้านข้างคอมีแถบสีดำสลับกับแถบขาวเป็นลายตามขวาง ด้านหลังสีเข้มมีขีดขวาง คล้ายกับลายของม้าลาย ในต่างประเทศจึงเรียก นกเขาชวา ว่า "ม้าลาย"  ด้านท้องสีจาง ใต้ลำตัวเป็นสีขาวมีขีดขวางเล็ก ขอบท้ายของขนหางสีขาว

อุปนิสัย :
นกเขาชวา ชอบอาศัยอยู่ตามป่าโปร่ง ป่าละเมาะชายทุ่งและบริเวณที่ทำการเพาะปลูก ชอบอยู่กันเป็นคู่ บางทีก็เห็นอยู่เดี่ยวแต่ไม่ ชอบหากินอยู่เป็นฝูงใหญ่ มักขันบ่อย ๆ ในยามเช้าและยามเย็น เป็นนกที่เชื่องคนง่าย
 
การขยายพันธุ์ :
 เป็นนกที่มีผัวเดียว เมียเดียว เมื่อเกี้ยวพาราสี นกตัวผู้จะขันและก้มหัวเป็นจังหวะและแพนหางออก วางไข่ครั้งละ1-2ฟอง ลูกนกจะเติบโตอย่างรวดเร็ว มีขนงอกออกมาเต็มตัวภายใน 14วัน เมื่อลูกนกลงรังแล้ว พ่อแม่นกจะเริ่มวางไข่อีกครั้ง นกเขาเป็นนกที่อายุยืน บางตัวอายุมากถึง 20 ปี 

การสร้างรัง :
เป็นรังที่เกิดจากการสานกิ่งไม้แบบหยาบๆ ประกอบด้วยหญ้า รากไม้ กิ่งไม้ ทำรังในพุ่มไม้ที่อยู่ระดับสูงจากพื้นดิน รังกว่างประมาณ 8-10 ซ.ม. และ ลึก2-3ซ.ม. ระยะเวลาฟักไข่ประมาณ 14วัน พ่อและแม่นกจะช่วยกันป้อนอาหารลูกนก ระยะแรกๆจะขยอกของเหลวคล้ายน้ำนมจากลำคอเพื่อป้อนลูกนก และระยะต่อมาจะขย้อนอาหารที่เป็นเมล็ดพืชที่ย่อยบ้างแล้วจากกระเพาะพักอาหาร ป้อนลูกนกจนหัดกินอาหารเองได้

นกเขาใหญ่ (Spotted-necked Dove or Spotted Dove)  
นกเขาชนิดพันธุ์นี้เป็นนกเขาที่มีลำตัวใหญ่ คนไทยเรานิยมเลี้ยงกันมาแต่โบราณกาล ซึ่งผู้นิยมการเลี้ยงนกเขาชนิดนี้ต่างก็มีความรู้สึกว่านกเขาใหญ่เป็นนกเขา ที่น่ารักและน่าเลี้ยงมาก เพราะคุณสมบัติของนกเขาใหญ่ชันดี นับว่ามีลีลาการขันต่างกว่านกชนิดอื่น ใครได้ฟังจะไม่รู้จักเบื่อ

     
นกตัวนี้โดนล่ามขาดูท่าทางมันตลกดี แต่ก็เหมือนจะเชื่อง
ฟังเสียงร้องของน้องนกเหมือนว่า "ปล่อยกู ปล่อยกู " ตลกดี


นกเขาใหญ่ บ้างก็เรียก นกเขาหลวง หรือนกเขาหม้อ มีถิ่น กำเนิดอยู่ในประเทศอินเดีย จีน ไทย และประเทศทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปเอเชีย ปัจจุบันมีการนำมาแพร่พันธุ์จนกลายเป็นนกประจำถิ่น พบบ่อยตามทุ่งโล่ง ป่าละเมาะ และป่าทึบ
          
รูปร่างลักษณะ
นกเขาใหญ่จะมีความยาวประมาณ 25 เซนติเมตร ทั้งนกเขาตัวผู้และตัวเมียต่างก็มีลักษณะคล้ายกันคือ ขนปกคลุมตัวสีน้ำตาล ด้านหลังสีเข้มกว่าด้านท้อง หัวสีเทา ด้านข้างของคอและท้ายทอยมีแถบสีดำกว้าง ภายในแถบดำมีจุดกลมเล็ก ๆ สีขาวกระจาย ตรงปลายปาก ม่านตาสีชมพูอ่อนๆ แกมเหลืองจางๆ ปาก สีดำ แข็งและนิ้วเท้าสีค่อนข้างแดง เวลาบินเห็นขอบท้ายของขนหางสีขาว


นกเขาใหญ่ชอบอาศัยอยู่ตามป่าโปร่งชายทุ่งนา เรือกสวนและบริเวณที่มีการเพาะปลูก ปกติตามทุ่งนาที่ราบต่ำชอบอยู่ก้นเป็นคู่ บางตัวก็อยู่เดี่ยวจะขันคูในเวลาเช้าและเย็น เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวจะเข้าอยู่รวมกัน หากินเป็นฝูงใหญ่ และในการทำรังของมันจะมักจะใช้กิ่งไม้เรียงซ้อนกัน รังมีลักษณะบอบบางมาก วางไข่ 2 ฟอง นกเขาชนิดนี้ถ้าฝึกจนเชื่องจะเป็นนกที่ฉลาดรู้จักจำเจ้าของ ช่างประจบ
  
นกเขาใหญ่มีหางยาว ลำตัวเพรียว ยาว 28-32 ซม. มีสีน้ำตาลอมแดง ขนปีกออกดำมีขอบสีเทาด้านใน หน้าและท้องส่วนล่างมีสีเทา มีแถบสีดำจุดขาวคาดบริเวณคอด้านหลังซึ่งไม่พบในนกวัยอ่อน ขาสีแดง
ร้องเสียงต่ำๆ

นกเขาใหญ่กินเมล็ดธัญพืชเป็นอาหาร ชอบอาศัยอยู่ตามทุ่งนา ป่าโปร่ง แหล่งที่มีการเพาะปลูกพืชไร่ มักอยู่เป็นคู่และขันคูในตอนเช้าเย็น มักลงมาหากินตามพื้นดิน เวลาขันจะมีเสียงไพเราะ คนจึงนิยมนำนกเขาชนิดนี้มาเลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย ผสมพันธุ์ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ทำรังอยู่บนต้นไม้ใหญ่ โดยใช้กิ่งไม้ขัดสานกันทำให้เป็นแอ่งเพื่อวางไข่ ปกติจะวางไข่ครั้งละ 2-3 ฟอง

ลักษณะที่ดี
หัวโต, ปากสั้น, ปลายจงอยปากงอเหมือนขอช้าง ขอบตากว้างชัด,ดวงตาสุกแดงเป็นสองชั้น สะพายท้ายตางอและดำ คอยาว และมีสร้อยรอบคอ,คอต่อหลังตั้งเป็นหนอก ( คอหนอก ) หรือสันหลังแหลม ไหล่ผาย,อกตั้ง ไม่แคบ กุกหรือหลิ่วต้น หัวปีกแหลมและชิดปิดบัง,ปลายปีกไขว้ ท้ายตก ขนสันหลังหนา,ขนยาว รากขนดำลึก น้ำหมึกมาก แข้งมีสีแดงผักปลัง เท้าใหญ่ เล็บดำ เล็บก้อยยาว
  
       นกเขาไฟ
นกเขาหาดูและฟังเสียงได้ง่ายทั่วประเทศไทยเราแต่การถ่ายภาพและอัดเสียงยาก หน่อย แถวหลักสี่บ้านพักที่ผมอยู่มีนกเขาอยู่พอควรผมพยายามถ่ายแล้วก็ได้ไม่ดีอยู่ ไกลเกินไป พอถ่ายใกล้ๆได้แป๊บเดียวมันก็บินหนี หาจากยูทูปทีถ่ายจากนกในกรงยัหาที่ชัดๆยากเลยครับ
  
นกเขาไฟจะตัว เล็กกว่านกเขาใหญ่ ขนปกคลุมตัวสีน้ำตาลปนเทา มีทางสีดำพาดขวางตรงท้ายทอย เพศผู้มี หัวสีเทาและมีต้นปีกเป็นสีน้ำตาลแดงมาก เวลาบินเห็นขอบท้ายของขนหางสีขาว เป็นนกประจำถิ่น ปัจจุบันพบที่บริเวณตามทุ่งโล่ง ทุ่งนาและป่าละเมาะ
     

     


นกเขาเขียว    
นกเขาเขียวขนาดตัวเท่ากับนกเขาไฟ ขนปกคลุมตัวด้านหลังสีเทา ตะโพกสีเขียวและมีแถบสีขาว แถบ ปีกสีเขียว ด้านท้องสีน้ำตาลแดง เพศผู้มีหน้าผากและคิ้วขาว เพศเมียมีหัวสีน้ำตาลมีคิ้วขาว ปัจจุบันพบที่บริเวณในป่าทึบ ปกติพบตามลำพังตัวเดียวตามที่ร่มทึบและชื้น ส่วนมากจะบินในระดับกว่าเรือนยอดของต้นไม้  นกเขาหาดูและฟังเสียงได้ง่ายทั่วประเทศไทย เราแต่การถ่ายภาพและอัดเสียงยากหน่อย 


แถวหลักสี่บ้านพักที่ผมอยู่มีนกเขาอยู่พอควรผมพยายามถ่ายแล้วก็ได้ไม่ดีอยู่ ไกลเกินไป พอถ่ายใกล้ๆได้แป๊บเดียวมันก็บินหนี หาจากยูทูปทีถ่ายจากนกในกรงยังหาที่ชัดๆยากเลย  เป็นนกชนิดที่พบบ่อยและแพร่หลายในป่าเปิด   พื้นที่การเกษตร และ ในเมือง    มันถูกนำเข้าสู่รัฐฮาวายและตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย นอกจากประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว ยังมีการนำนกเข้าสู่ประเทศสิงคโปร์, ประเทศฟิลิปปินส์, ทางเหนือของประเทศอินโดนีเซีย, ประเทศออสเตรเลีย และ ประเทศนิวซีแลนด์ ในประเทศออสเตรเลียนกถูกนำเข้ามาที่เมลเบิร์นในคริสต์ทศวรรษที่ 1860 และมีการกระจายพันธุ์แทนที่นกเขาพื้นเมือง

  ลักษณะนกที่ควรเลี้ยงในบ้าน
   (หนังสือพรหมชาติฉบับสมบูรณ์)

นกเขาที่นักเล่นนกนิยมเลี้ยงกันมีเพียง 2 ชนิดเท่านั้น คือ นกเขาใหญ่ กับนกเขาชวา ดังนั้น จึงใคร่ขอกล่าวถึงรูปพรรณลักษณะของนกเขาทั้งสองนี้โดยลำดับไปว่า ลักษณะอย่างไรให้คุณโทษอย่างไรบ้าง ดังต่อไปนี้

นกเขาใหญ่

1. ถ้าแข้งสีแดงจัด และมีเล็บขาวสะอาด ท่านว่า เลี้ยงไว้ในบ้านเรือนสามารถป้องกันอัคคีภัยได้ดีนักแล

 2.ถ้าสร้อยคอขาวคาดจุดดำจำนวนมาก ท่านว่า เป็นนกนำโชคมาให้เจ้าของจะทำให้ได้ลาภเงินทอง ของใช้จากคนอื่นเสมอ ๆ

3. ถ้าเกร็ดที่หน้าแข็งมีครบ 9 คู่ หรือ 18 เกร็ดเรียงสลับกันโดยลำดับท่านว่าดีปานกลาง

4.ถ้าเล็บดุด คือสลับกันเล็กบ้างใหญ่บ้างเหมือนแข้งไก่ชน ท่านว่าเป็นลักษณะของนกเขาที่ให้คุณ จะเป็นที่ยำเกรงของคนทั่วไป เจ้าของจะมีอำนาจวาสนามีบริวารมาก

5 ถ้าฟังเสียงร้องเสียงคู่สำเนียงฟังคล้ายกับว่า กรุก กรู ติดต่อกัน 3 ครั้ง 9  ครั้ง โดยไม่หยุดพักเลย ท่านว่าเป็นนกเขาค่าควรเมือง จะให้ลาภแก่เจ้าของทุกประการ ดีนักแล


6 ถ้าเสียงขันเสียงคู ออกสำเนียงคล้ายกับว่า กวัก กรู กวัก กรู หลาย ๆ ครั้ง ยิ่งครบ 5 หรือ 9 ครั้งยิ่งดี ท่านว่า เจ้าของและครอบครัวจะประสบโชคทางการเงินไหลมา เทามา ทรัพย์สินเนืองนอง ไม่อดอยากเลย คำคุณเจ้าของ และบริวารในครอบครัวดีนัก
 
7.ถ้าเสียงขันเสียงคู ฟังว่าคล้ายกับเสียงภาชนะแตก หรือคล้ายเสียงคนสะอึก หรือจาม ท่านว่า ไม่ดี ไม่ควรเลี้ยงไว้ ให้รีบปล่อยไปเสีย มิฉะนั้นจะนำความหายนะมาให้ในไม่ช้าแล
 
8.ถ้าเสียงขันเสียงคูฟังนิ่มนวลเป็นเสียงเดียวกัน และอ่อนหวานเวลาขันทำท่าคล้ายเอาศีรษะกวักเข้ามาด้วย ท่านว่าเป็นลักษณะวิเศษ จะนำโชคลาภเกียรติยศชื่อเสียงมาให้เจ้าของ และบริวารดีนักควรเอาเงินทองใส่ในภาชนะน้ำ ให้นกดังกล่าวดื่มกินเถิดจะได้ลาภภายใน 3 วัน 7 วันแน่แท้เลย
 
9.ถ้านกเขาใหญ่ตัวใด มีขนตรงหัวมีลวดลายคล้ายองค์พระพุทธรูป ที่ปีกมีลวดลายคล้ายตัวนะ กลางหลังมีคล้ายตัวโม ขนที่คอมีคล้ายตัว พุทกลางหลังมีคล้ายตัว ธา และที่หางมีคล้ายตัวยะ ริมขอบตามทั้ง 2 ข้าง มีคล้าย ขนอุณาโลม ท่านว่า นกเขาตัวนั้นหาค่ามิได้ ค่าควรเมืองยิ่งนัก ถ้าได้พบเห็นราคาเท่าไรก็ขอให้ซื้อมา แล้วทำกรงทาสีทองให้อยู่เถิด เจ้าของจะร่ำรวยภายใน 3 วัน 7 วัน จะทำราชการค้าขายหรือประกอบกิจการใด ๆ ท่านว่าเจริญก้าวหน้า มีกำไรทุกอย่าง ดีนักแล
 
10.ถ้านกเขาใหญ่ ตัวใด ขับคูออกเสียงเป็นจังหวะ "กรุก กรู ๆ ๆ เจ้าหัวกู ๆ ๆ กรู ๆ" ทำนองคล้ายกันนี้ ท่านว่านกตัวนั้นเป็นนกอุดมโชคเจ้าของจะทำมาค้าขึ้น ประกอบกิจการงานใด จะรุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้นไป ไปสารทิศใด ๆ จะมีคนอุปถัมภ์ค้ำชู ไม่อดอยากเลย ดีนักแล
 
11.ถ้าเวลาขันหรือคู นกตัวใดหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ท่านว่า จะปกป้องภยันตรายให้กับเจ้าของมันดีนัก ศัตรูคิดปองร้ายมิได้เลย ดีนักแล
 
12.ถ้าเวลาขันหรือคู นกหันหน้าไปทาง ทิศตะวันตกหรือทิศใต้ ท่านว่าไม่ดี ไม่ควรเลี้ยงไว้ เพราะจะทำให้เจ้าของอับโชค สิ้นอำนาจ หมดวาสนาชะตาตก ;

13. ถ้านกเขาตัวใด มีขนคอปนจุดสีดำรอบคอ มองเห็นได้ชัดเจนดี ท่านว่านกตัวนั้นจะให้คุณ ถึงแม่ว่าเจ้าของจะยากจน ก็จะร่ำรวยในไม่ช้า จะมีลาภผลเกิดขึ้นมาโดยเร็ว อย่างประหลาดใจทีเดียว ค้าขายไม่น่าจะร่ำรวยก็ร่ำรวย เป็นข้าราชการก็จะได้ยศได้ขั้นเงินเดือนมากกว่าใคร ๆ ในรุ่นเดียวกันดีนักแล

14.ถ้านกเขาตัวใด เวลาขันหรือเวลาถ่ายมูล มีกลิ่นเหม็นท่านว่าเป็นนกอัปลักษณ์ อย่าได้เลี้ยงไว้ภายในบ้านเลยเด็ดขาด

15 ถ้านกตัวใดมีขนออกที่ริมฝีปากทั้งสองข้าง ท่านว่าเป็นนกนำลาภมาให้เลี้ยงไว้เถิดจะให้ผู้เลี้ยงประสบโชคดีเสมอ ๆ ดีนักแล;

16.ถ้านกตัวใด กลางหลังมีลวดลายเส้นแมลงผีเสื้อ หรือหน้ายักษ์ ท่านว่า อย่าได้จับต้องหรือเลี้ยงนกตัวนั้นไว้เลย จะทำให้เสื่อมลาภเสื่อมยศทรัพย์สินภายในบ้านจะหายนะไม่ดีเลย

17. ถ้านกตัวใดมีหางสั้น และยังมีขนหางไม่ครบ 10 เส้น ท่านว่าเป็นนกขัดลาภอย่านำเลี้ยงไว้ในบ้านเลยไม่ดีเลย

18.ถ้านกตัวใดมีขนหรือลวดลายคล้ายนกกระจอก หรือมีขนหางสั้นกว่าลำตัวมันท่านว่า เป็นนกอัปลักษณ์ ชาติชั่วจัณฑาลไม่ดีเลย หากนำมาเลี้ยงไว้ในบ้านจะทำให้บริวารประพฤติผิดศีลธรรมเลย        
19ถ้านกตัวใดมีขนปีกสั้น ปกคลุมตัวไม่มิดชิด ท่านว่า เป็นนกอัปลักษณ์ จะนำความหายนะและความชั่วร้ายมาให้ ถ้าขืนเลี้ยงไว้เจ้าของจะต้องประสบอุบัติเหตุ เกิดจัญไรกับตัวและบริวาร ไม่ดีเลย 20. ถ้านกตัวใดริมฝีปากบน ล่าง เวลาปกติไม่แนบสนิทกัน ท่านว่า เป็นนกอัปลักษณ์ไม่ควรจะเลี้ยงไว้ เพราะจะทำให้เจ้าของสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง เป็นคดีความมีแต่ทางเสียเงินอย่างเดียว



นกเขาชวา

1. ถ้านกเขาชวาตัวใดมีแข้งดำดุจสีนิล ท่านว่า เป็นนกนำลาภมาให้ ควรเลี้ยงไว้จะทำให้เจ้าของประสบความสุขความเจริญ ดีแล
2. ถ้าแข้งดำดุจนิลและเกร็ดแข้งคุดเหมือนไก่ชน ท่านว่า เจ้าของชนะศัตรูไม่เคย เจ็บไข้ ต้องโรคาพยาธิเลย ดีแล

 

3. นกตัวใดมีแข้งแดง ขนปีกดำสลับขาว ท้งหน้าดำ ท่านว่า เป็นนกเขาค่าควรเมืองคุ้มไฟ คุ้มอันตราย ให้เจ้าของได้ ดีนักแล 
4. ถ้านกตัวใดริมขอบตาขาว นัยน์ตาดำสนิท ท่านว่า เป็นนกให้อำนาจวาสนาแก่เจ้าของแล      
5. นกตัวใดแข้งมีเกร็ด 9 คู่ ท่านว่า เป็นนกนำโชคมาให้เจ้าของมั่งมีศรีสุข ดีนัก
6. นกตัวใดเป็นนกผสมระหว่างนกเขาเขียวกับนกเขาชวา มีปีกแซมขนเขียวกระเรียวงาม ท่านว่า เป็นนกป้องกันภยันตราย มีค่าควรเมือง ทำมาค้าขาย ดีนัก


7. นกตัวใดมีหางยาว โผล่ออกมาเส้นเดียว ท่านว่า เป็นนักนักการพนัน นกการค้า ใครเลี้ยงไว้จะมีลาภ ยศ ชื่อเสียง ดีนัก
8. นกตัวใดขันหรือคูมีเสียงคู่ กรุก กรู ๆ กรู-กรู ยาวถึง 3 ถึง 8 ครั้งติดต่อกัน ท่านว่า เป็นนกเจ้าพระยา ใครเลี้ยงไว้จะเจริญรุ่งเรือง มีความสุขปราศจากโรคาพยาธิดีนักแล
9. นกตัวใดขันเสียแตก ขันแล้วหยุด หยุดแล้วขันไม่เป็นเวลา ท่านว่าเป็นนกกาลี ไม่ควรเลี้ยงไว้ในบ้านเลย
10. นกตัวใดขันเป็นยาม เช่น ตอนเช้า ตอนเที่ยง และบ่าย ค่ำ ท่านว่า เป็นนกมหาเศรษฐี เสียงร้องจะนำโชคลาภมาให้เจ้าของเลี้ยงไวดีนักแล นอกจากนี้ ถ้านกเขาชวา มีลักษณะเข้าตำราตามแบบนกเขาใหญ่ ท่านว่าดีนัก ปราศจกโทษให้คุณอนันต์ดีนักแลฯ

  ลักษณะนกเขาเล็กที่ชั่ว
 
จะกล่าวลักษณะปักษาชาติ ชีวะอุบาทว์ไม่ควรจะรักษา จักชี้แจงแสดงไว้ให้แจ้งประจักษ์ตา

ปากสกุณานั้นเหม็นอย่ายินดี  ถ้าปากอย่างนี้ว่าช่องลม อย่าเชยชมเรียกว่าประตูผี ใครเลี้ยงไว้จะได้ซึ่งราคี จะอัปรีย์มัวหมองมิต้องการ

ฝ่าเท้าแดงสันหลังดังนกกระจอก ขนงอกอาภัพล้นพ้นประมาณ  หางไม่ถึงสิบเส้นร้านขายประจาน ใครคิดอ่านรักษาจะราคี ถ้าตีนสั้นเหมือนกับตีนเป็ด ขนทวนเกล็ดหางราชปักษี ไม่สมสั้นกว่าตัว ชั่วสิ้นดี ปีกนั้นหุ้มกายก็ไม่มิด

ทวารแดงแลปีกสั้นกว่าตัว อุจาดชั่วตาดำวิปริต สัตว์จำพวกเหล้านี้มันมีพิษ อย่าควรคิดรักใคร่เอาไว้เรือน ใครเลี้ยงนกเหล่านี้ไม่มีสุข  จะเกิดทุกข์จัญไรใครจะเหมือน จะมัวหมองเศร้าศรีทุกปีเรือน ด้วยเป็นสัตว์เถื่อน  ร้ายกาจอุบาทว์ปนจะให้โทษโหดร้าย3ประการ คือไฟผลาญเป็นตัวอกุศล ให้เกิดเหตุอันตรายจลาจล ขโมยปล้นลักทรัพย์ตนนั้นสูญเปล่าไม่อย่านั้นนานไปจะได้เห็น อุบาทว์เป็นเพลิงกาฬประหารเผา จะร้อนรนจนสิ้นชีวาเรา อย่าเลี้ยงเหล่าสกุณชาติอุบาทว์เอย  แม้ทำมาหากินไม่เป็นสุข จะขัดสนจนจริงสิ่งแสวง จะเที่ยวจ้างร่างกายลงขายแรง ฉันมิแต่งนอกลู่อย่าดูเบา


หนึ่งราชภัยท้าวพระยาจะมาถึง    จะต้องเฆี่ยนขึ้งร้อนรนยิ่งเพลิงเผา      นักเลงใดเรียนรู้อย่าดูเบา ไม่เชื่อเราเลี้ยงไว้พิสูจน์ดู    ใครจับนกลักษณะเหล่านี้    เร่งเอามือสีที่ผิวมะกรูด    น้ำเจ็ดปฏักตำราครู มาถากถูชำระสระราคี     จึงนิมนต์พระสงฆ์ผู้ทรงศีล    มารดรินซดน้ำเจริญศรี     จึงจะสิ้นมลทินค่อนข้างดี ตำรานี้จะขาดอุบาทว์เอย

นกกรงหัวจุก

นกกรงหัวจุก
ใครไม่รู้จักนกกรงหัวจุกมั่ง อาจจะมีบ้างที่เป็นคนเมือง หากเป็นคนบ้านนอกเชื่อว่าคงรู้จักกันเยอะ แต่ก็เป็นนกที่เห็นได้ทั่วไปแม้แต่ในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะแถวบ้านเรือนคนปักษ์ใต้ ที่มักจะนิยมนำมาเลี้ยงไว้ดูเล่นในกรง 



แต่ตัวผมเองจะชอบดูนกที่บินอยู่ตามต้นไม้มากกว่า แบบนกที่ดูแล้วคลาสสิคหน่อย เช่น นกเขา นกบินหลา นกเอี้ยง นกกระจิบ ส่วนนกกระจอกนกพิราบ ฮึ ดูๆแล้วผมว่ามันไม่น่ารักที่จะมาอยู่ตามต้นไม้ในบริเวณบ้าน ส่วนนกกรงหัวจุกผมว่ามันตลกกดีกับคำว่ามีหัวจุกด้วย ยังกะส้ม ยังมีส้มหัวจุก เด็กหัวจุก หรือพวกบ้าหัวจุก แต่ได้เห็นเพื่อนๆที่เลี้ยงนกไว้ดูในกรงก็ยังดีนะครับดีกว่ามีแต่คนกับรถยนต์ เจอคนเลี้ยงนกกรงหัวจุก เดินหิ้วกรงนกกลางกรุงเทพฯ ไม่ใส่เสื้อแล้วดูเท่ห์ดี มีวัตนธรรมเชิงอนุรักษ์ นะครับ


นกกรงหัวจุก เสียงร้องอันมีมนต์ขลัง จาก http://pet.kapook.com/view1322.html
เมื่อพูดถึงสัตว์ที่มีเสียงร้องอันไพเราะ แทบปฏิเสธไม่ได้ว่า นกกรงหัวจุก จัดอยู่ในอันดับต้นๆ ปัจจุบันวงการ นกกรงหัวจุก จัดได้ว่าเป็นวงการที่ได้รับความนิยมจากคนไทยเป็นจำนวนมาก มีการจัดรายการแข่งขันติดกันและต่อเนื่องตลอดทั้งปี และมีแนวโน้มว่าจะได้รับความนิยมแพร่ขยายมากขึ้น นกกรงหัวจุก มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า "นกปรอดหัวโขนเคราแดง" หรือ "นกพิชหลิว" มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า Pycnomotus Jocosus เป็นนกที่มีการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 17 ให้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ นกกงหัวจุกมีมากมายหลายชนิด



พี่บ่าวคนนี้ มาจากนครศรี มีร้านขายของอยู่ซอย 5 แจ้งวัฒนะ แกเลี้ยงนกกรงหัวจุกหลายกรง

นกกรงหัวจุกหรือนกปรอด (Family Pycnonotidae) เป็นนกที่มีชนิดมากที่สุด พบมากที่สุดคือประเทศฟิลิปปินส์ ส่วนในประเทศไทยมีรายงานการค้นพบนกปรอดประมาณ 36 ชนิด โดยที่นกปรอดทั่วโลกมีประมาณ 109 ชนิด นกกรงหัวจุก มีชื่อเรียกหลายชื่อแตกต่างกันไปตามภาค อย่างภาคใต้โดยเฉพาะ จังหวัดนครศรีธรรมราช เรียกว่า "นกกรงหัวจุก" หรือ "นกกรง" ภาคเหนือเรียกว่า "นกปริ๊ดเหลว" หรือ "นกพิหลิว" ส่วนภาคกลางเรียกว่า "นกปรอดหัวจุก" หรือ "นกปรอดหัวโขน"





นกกรงหัวจุก เป็นนกที่มีสีสันสวยงาม ขนที่ตัวมีสีดำอมน้ำตาล มีขนจุกที่หัวตั้งตรง ปลายจุกที่ติดกับลำคอมีสีดำสนิท ที่แก้มมีขนสีขาว และมีจุดสีแดงที่ข้างตาทั้ง 2 ข้าง โคนหางล่างมีสีแดง นกกรงหัวจุก มีเสียงร้องไพเราะ คนนิยมนำมาเลี้ยงไว้ฟังเสียงร้อง และนำมาแข่งขันประชันลีลาก ารร้องของสำนวนเสียงว่า นกกรงหัวจุก แต่ละตัวว่าใครจะเหนือกว่ากัน



ถิ่นอาศัยของนกกรงหัวจุก อยู่ในแถบประเทศที่มีอากาศร้อนชื้น ในทวีปเอเชียส่วนใหญ่พบ นกกรงหัวจุก ได้ในประเทศจีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย เวียดนาม กัมพูชา ลาว ในประเทศไทยเราจะพบ นกกรงหัวจุก ได้ทั่วทุกภาคของประเทศ โดยจะพบ นกกรงหัวจุก อาศัยอยู่ตามชายป่า ทุ่งหญ้า พื้นที่เกษตรกรรม และตามแหล่งชุมชนในชนบท โดยเฉพาะทางภาคเหนือและภาคอีสานตอนบน

นกกรงหัวจุก ชาติแรกที่นำนกกรงหัวจุกมาเลี้ยงคือชาวจีน เมื่อประมาณ พ.ศ. 2410 ในประเทศไทยเริ่มนิยมเลี้ยงประมาณ พ.ศ. 2504 ที่ภาคใต้ แต่จะนำมาเล่นให้นกตีกันต่อสู้กันแบบเดียวกับไก่ชน จนกระทั่งถึง พ.ศ. 2515 จึงได้คิดเล่นแบบใหม่ โดยให้แข่งขันเสียงร้อง จากนั้นจึงได้แพร่หลายมาที่ภาคกลาง ภาคเหนือ ส่วนที่ภาคอีสานมีค่อนข้างน้อย นกกรงหัวจุกเป็นที่นิยมของคนภาคใต้มายาวนาน และสืบทอดมาสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน จนเรียกได้ว่าเป็นวัฒนธรรมพื้นบ้านทางภาคใต้ จึงเห็นมีกรงนกแขวนตามบ้านเรือนประชาชนแทบทุกบ้าน และมีการตั้งเป็นชมรมทุกจังหวัด

การแข่งขัน นกกรงหัวจุก     ได้รับการยอมรับว่าเป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่มีผู้คนให้ความสนใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีการจัดงานแข่งขันประชันเสียง นกกรงหัวจุก กันทั่วประเทศไม่ว่าจะเป็นในกรุงเทพฯ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ ในแต่ละสัปดาห์จะมีรายการแข่งขันทั้งประเทศไม่ต่ำกว่า 5 สนาม มีชมรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับ นกกรงหัวจุก ทั่วประเทศนับเป็นร้อยๆ ชมรม นกกรงหัวจุก ที่จะนำเข้าแข่งขันนั้นต้องเป็น นกกรงหัวจุก ตัวผู้ เพราะ นกกรงหัวจุก ตัวเมียจะร้องไม่เป็นเพลง โดย นกกรงหัวจุก ที่เลือกมานั้นต้องมีลักษณะรูปร่างและน้ำเสียงที่ดี ตัวอย่างเช่น มีรูปร่างเหมือนปลีกล้วยขณะที่ปลียังเล็กอยู่ ปากของนกทั้งด้านบนและด้านล่างควรจะใหญ่ ซึ่งทำให้มีเสียงดังกังวาน ลำคอต้องใหญ่ หน้าอกต้องใหญ่ ซึ่งหมายถึงปอดของนกจะใหญ่ จะร้องได้ทนและนาน ลักษณะขน หางต้องสวยงามตามตำรา เป็นต้น การร้องของ นกกรงหัวจุก ต้องเปล่งเสียงร้องเต็มที่ เสียงเป็นเพลงเหมือนเสียงดนตรี เสียงของ



นกกรงหัวจุก ที่ดีควรจะเป็นเสียงใหญ่ ถัดมาก็เสียงกลางและเสียงเล็ก ซึ่งก็แล้วแต่ถิ่นกำเนิดของ นกกรงหัวจุก นั้นๆ เพลงของนกกรงหัวจุกต้องมีคำหรือ 3 คำขึ้นไปจนถึง 7 คำ ซึ่งนกที่ร้องเพลงได้ 3 - 5 คำ เป็นนกแบบธรรมดา นกที่ร้องเพลงได้ 6 - 7 คำ จะเ ป็นนกที่หายาก จังหวะและคำร้องแต่ละคำต้องสม่ำเสมอและชัดเจน ในภาพรวมการร้องของ นกกรงหัวจุก คือ ขณะร้องเพลงต้องมีท่าที ลีลาสวยงามไปทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นปาก คอ อก หาง ขา หน้าตาสดชื่นแจ่มใส ดวงตาแจ่มใส ขาเหยียด ลำตัวนกตั้ง หน้าเชิด ขนอกฟู หางกระดก น้ำเสียงดังฟังชัดเป็นจังหวะจะโคนที่ดี    สม่ำเสมอและต่อเนื่อง

ลักษณะดังกล่าวนี้เองที่ทำให้ผู้เลี้ยง นกกรงหัวจุก หลงใหลในเสน่ห์ จนทำให้เกิดความรัก สนใจเลี้ยง นกกรงหัวจุก เพื่อการประกวดประชันเสียงร้องเพลง สำหรับกติกาการแข่งขัน นกกรงหัวจุก ในปัจจุบันมีอยู่ 2 แบบใหญ่ๆ คือ กติกาแบบสากล และ กติกาแบบ 4 ยก สำหรับ นกกรงหัวจุก ที่มีเสียงไพเราะหรือชนะการประกวดก็จะมีราคาแพงตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงหลักแสนเลยทีเดียว นอกจากการประชันเสียงร้องแล้วยังมีการประกวดประชันหรือโชว์กรง นกกรงหัวจุก อีกด้วย

วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

บทกลอน บทกวี


วัดพระศรีสรรเพชรที่เคยเป็นวัดประจำกรุงศรีอยุธยาฯ( สภาพในนปัจจุบันนี้เป็นวัดที่เป็นต้นแบบของวัดพระศรีรัตนศสดาราม(วัดพระแก้วฯ)ในปัจจุบันนี้


บทกลอนน่าสนใจ เก็บไว้ดูเล่นๆเพื่อความเพลิดเพลินและสุนทรีย์

อยุธยาที่เคยรุ่งเรืองในอดีต ในที่สุดก็ถูกพม่าหรือใครบ้างก็ไม่รู้ เผากรุงเมื่อครั้งเสียกรุงศรีฯครั้งที่ ๒ มีโคลงบทหนึ่งที่กล่าวถึงอยุธทยาสมัยที่ยังรุ่งเรือง  ผมชื่นชอบและเห็นว่ายังคงสวยงามเสมอ
                                                 
      อยุธยา ล่มแล้ว                    ลอยสวรรค์ ลงฤา   
 สิงหาสน์ปรางค์รัตน์บวร            เจิดหล้า
 บุญเพรงพระหากสวรรค์            ศาสน์รุ่ง เรืองแฮ
 บังอบายเบิกฟ้า                      ฝึกฟื้น ใจเมือง
       เรืองเรืองไตรรัตน์พ้น          พันแสง
 รินรสพระธรรมแสดง                 ค่ำเช้
เจดีย์ระดะแซง                         เสียดยอด
 ยลยิ่งแสงแก้วเก้า                    แก่นหล้า หลากสวรรค์    
            
     -----------------------------------------------------------------------
     จากท่าน อังคาร กัลยานพงศ์ ศิลปิน และกวี นครศร๊ธรรมราช


       

        บทข้างบนนี้ก็นานแล้วเห็นมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ

     จากโคลงสนุกๆของไอ้เกลอเพื่อนรัก 


            
และอีกบทกลอนหนึ่งของเรื่องราววิถีชีวิตของชาวปักษ์ใต้  ดูสำนวนภาษาแล้วคงเป็นของวัฒนธรรมชาวนาลุ่มน้ำทะเลสาปสงขลา

มาจากลิงค์นี้ครับ  http://www.oknation.net/blog/sri/2011/05/05/entry-2


            กลอนสี่อีกบทหนึ่งที่เพื่อนรักผมแต่งไว้นานแล้ว


กลอนสี่...ไร้ชื่อ      ♣♣♥♠


       สองเท้าก้าวไป      ใจหนึ่งตั้งมั่น            ฝ่าฟันอวิชชา       นำพาวิญญาน
       เป็นธารไหลริน       ผืนดินที่ผ่าน            แมกไม้เบ่งบาน    สายธารพึงใจ
       สัตว์หนึ่งกำเนิด      ประเสริฐสดใส         นาบุญยิ่งใหญ่      แมกไม้ยินดี
       สัตว์สองต้องเกิด    กำเนิดชีวี                ให้สัตว์มากมี        รับรู้ในธรรม
       สัตว์มากกำเนิด      เรื่องเกิดหลากล้ำ     เมฆหมอกมืดดำ   ปิดบังดวงตา
       ผู้เห็นย่อมรู้            ผู้รู้ย่อมหา                วิชาเลิศล้ำ          คือธรรมส่องทาง
      
       ประพันธ์โดย นายกล้วย     ลูกแม่เจียม พ่อแดง ยืนยง  คนระโนด เมื่อปี พศ. 2532

บทกลอนข้างล่างได้จากไลน์ ปี พศ. /2558


จะลืมไหร ลืมได้ พี่ม่ายว่า
อย่าลืม นา ลืมหนอง คลองน้ำใส
อย่าลืมโหนด ลืม พร้าว ชาวหัวไทร
อย่าลืมไซ ลืม เจ้ย ลืมเคยปลา

..จะลืมไหร ลืมได้ พี่ม่ายสน
อย่าลืมจน เคยลำบาก ยากเสดสา
อย่าลืมเล ลืมควน ชวนกันมา
อย่าลืมปลา วิดลูกคลัก หรอยนักแรง

...จะลืมไหร ลืมได้ พี่ม่ายเถียง
อย่าลืมเนียง ลืมไห เกียงไฟแฉง
อย่าลืมเผล้ง ไม้ฉิวปู ขุดรูแยง
ไข่มดแดง อย่าลืมกัน นั้นยุพิน

...จะลืมไหร อย่าลืมกัน สำคัญหนัก
อย่าลืมรัก คนไทย ในทุกถิ่น
อย่าลืมรัก ในหลวง หวงแผ่นดิน
ใครได้ยิน โปรดจำไว้ อย่าได้ลืม

น้องนิด ท่าฉลอง เขียนไว้



โรงเรียนชีวิต

เรื่องโดย  : มหาปลี
           เยาว์วัย
  ใบตาล กับ ใบเตย เรียนที่ โรงเรียนวัดทุ่งปลาดุก กับน้องสาวคือ เด็กหญิงใบเตย โดยที่ คุณพ่อนอกจากจะเป็นภารโรงแล้วตอนเย็นยังขับ จยย รับจ้าง  และช่วยแม่ส่งส้มตำไก่ย่างที่ ชุมชนใกล้โรงเรียน เมื่อมีลูกค้าโทรมาสั่ง  โรงเรียนวัดหนองปลาดุกเป็นโรงเรียนวัดเล็กๆ มีงปประมาณน้อย บางทีชาวบ้านก็ช่วยกันบริจาคซื้ออุปกรณ์ให้โรงเรียน แต่ชาวบ้านก็ยากจน ทางเจ้าอาวาสจึงเน้นให้สอนเด็กด้านจริยธรรม และความเข้มแข็งของจิตใจ จะจัดพระไปอบรมเด็กๆทุกวันพฤหัสบ่ดี


  รุต พ่อ แม่ เป็นครู สอนที่โรงเรียนวัดทุ่งปลาดุก แต่เมื่อรุตจบชั้น ป 2 พ่อก็ลาออกจากโรงเรียน เพราะจบสายอาชีวะด้านไฟฟ้ามาและเพื่อนชวนไปทำงานที่ประเทศแถบบตะวันออกกลาง และก็เพื่อที่จะหาเงินให้ได้มากๆเพื่อให้ลูกได้เรียนโรงเรียนที่ดีที่สุด จนคุณแม่ต้องลาออกจากครู มาดูแลรุตและยายที่อายุมากแล้ว  แต่ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะพ่อมีรายได้มาก และส่งเงินกลับมาให้มากมาย คุณแม่ก็ปฏิบัติตนเป็นแม่บ้านที่ดีเลิสดูแลทุกสิ่งทุกอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้   และได้มาซื้อบ้านอยู่ในเมืองใกล้ๆโรงเรียนสาธิตนภาทัศน์  และแม่ก็ทำเรืองย้ายรุตเข้าเรียนชั้น ป๓ ที่สาธิตนภาทัศน์ ที่ค่าเล่าเรียนแพง แสนแพงแต่ดี เก่งสบาย
        สาธิตนภาทัศน์  โรงเรียนระดับประถม ดังและดีเยี่ยม หาใช่ ความเป็นเลิสแห่งวิชาการอย่างเดียว แต่ยังหมายถึงสำนึกรับผิดชอบต่อตนเอง และต่อสังคม โดยวงกว้าง  ได้รับรางวัลต่างๆมากมาย จากองค์การกุศลระดับชาติและระดับโลก แต่ข้อเสียคือค่าใช้จ่ายแพง แต่จบจากทีนี่รัปประกันคุณภาพ  สถาบันสูงๆทุกแห่งต้องการตัว สบาย  มีเกียรติ์ เทห์ และเป็นสิ่งที่พ่อรุตปรารถนาให้ลูกตัวเองได้เรียนที่นี่ที่สุด                                             คติของโรงเรียนนี้
  1. คือความเป็นเลิศทางวิชาการ  และด้าน IT เน้นให้เด็กปฏิบัติการจริง  จบจากที่นีเก่งทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ทำงานเป็น
  2. สอนโดยคุณครูและเสริมด้วยผู้ชำนาญในแต่ละสาขาวิชา
  3. สำนึกรับผิดชอบต่อสังคม เรียนที่นี่ ระดับ ป.5 ขึ้นไป จะต้องดูแล จูเนียร์ หรือน้องๆจาก โรงเรียนวัด หรือโรงเรียนบ้านนอกหรือโรงเรียนที่ด้อยโอกาศ อย่างน้อย 1 คน ไม่ว่าโดยทางใด โดยตรง อีเมล์ เฟสบุ๊ค ไอโฟน กูเกิ้ล ฯลฯ โดยถือเอาผลการพัตนาของน้องด้วยเป็นเกณท์ในการประเมินตัวเองด้วย
  4.เด็กที่นีจะแข็งแรง ไม่ขี้โรค เพราะมีคอร์สพิเศษ เรื่องการดูแลร่างกายและจิตใจตัวเองใหแข็งแรง   


      แม่ๆ  คิดถึงพ่อจังเลย ยายครับ คิดถึงพ่อไหม     เป็นคำพูดที่รุตชอบถามแม่และคุณยายทุกวัน               นี่ รุต แม่เห็น ลูก สไกด์ กับพ่อ เกือบทุกวัน ยังไม่หายคิดถึงอีกหรือ   
  รุตว่า :  แต่ผมอยากกอดพ่อ  อยากเอาปากเป่าพุงพ่อปู๊ดๆ อยากกัดหูพ่อ เล่นนี่ครับ  สไกด์ได้แต่ภาพกับเสียง กอดไม่ได้ ไม่หายคิดถึงเเลย
        แม่ว่า:     ยังดีกว่าสมัยก่อนเยอะลูก  สมัยก่อนไปเรียนไปทำงานที่เมืองนอกจะติดต่อกลับทางบ้านยากมาก  โทรศัพท์ยังแทบไม่มี โทรทีนึงค่าโทรศัพท์แพงมากๆ หากโทรบ่อยๆแบบนี้ค่าโทรกับค่าเครื่องบินกลับแพงพอๆกัน  ลูกคิดดูสิว่าความคิดถึงของคนสมัยก่อนจะมากมายขนาดไหน  ปีนึงได้โทร แค่ 2-3 ครั้งเอง  ยิ่งก่อนหน้าโน้นไปอีกติดต่อได้ทางจดหมายออย่างเดียวลูก
       อีก 3 ปีลูก  พ่อจะกลับมาเยี่ยมบ้าน ช่วงนี้พ่อต้องเร่งงานเพราะว่า สัญญาเฟสหนึ่ง ผู้รับเหมาต้องทำให้เสร็จใน 3 ปีลูก  เจ้าผู้ครอองนครเขาต้องการให้เสร็จก่อนงานเอเชี่ยนเกมส์ลูก  เราสัญญากันแล้วนะว่าเราต้องเข้มแข็งเพื่ออนาคตที่ดี จำได้ไหมลู
        ผมจำได้ครับแต่  อยากเป็นเหมือนบ้าน ใบตาลมากกว่าดูสนุกจะตายแม่  แม่เราไปเที่ยว วัดที่ข้างบ้านใบตาลกันไหมม่  เรามาตั้งปีแล้วนะคิดถึงใบตาลจังเล
        ลูกถามยายดูซิว่ายายจะไปไหม เรื่องเข้าวัดแม่ให้ยายตัดสินใจดีกว่า 
        ยายรีบพูดว่า :  ไปวัดเหรอไม่ต้องถามหรอก รุตอยากไปเมื่อไหร่ ยายว่างตลอด
        จริงๆแล้วป๋องรู้ดีตั้งนานแล้วว่าหากชวนยายไปวัดแล้วยังไงก็ต้องได้ไป เพราะเป็นเรื่องที่ยายชอบอยู่แล้วแต่เป้าหมายของป๋องจริงๆ คือ ใบตาล  ใบเตย เพื่อนเยาว์วัยที่รักและผูกพัน
      กลับไปเยี่ยมเพื่อนรุ่นน้อง
        เช้าวันอาทิตย์ รถยนต์เก๋งซีดาน ค่อนข้างใหม่ก็ได้วิ่งมาจอดบ้านพ่อแม่ใบตาลข้างวัด   พร้อมขนมถุงใหญ่ ครอบครัวใบตาลและน้องๆดีใจมาก  ที่เพื่อนๆกลับมาเยี่ยม
        โอโฮ รุต หน้าตา สดใส มีสง่าราศรีจังเลยตั้งแต่ไปเรียนที่โน่น สนุก และดี มากไหม ลูก
    : พ่อใบตาลถาม?  ดีมากครับลุง มีอุปกรณ์การเรียนเยอะแยะไปหมดเลย แต่ผมอยากอยู่ที่เดิมกับน้องใบตาลมากกว่
  ไม่ได้หรอกลูก หนูมีบุญ มีโอกาศ มีวาสนา ไปอยู่ที่นั่นดีแล้ว ลุงจะได้ฝากให้ช่วยดูช่วยสอนน้องใบตาลบ้าง         ผมไม่ลืมหรอกครับ ผมว่าผมคงรักใบตาลที่สุดในโลกครับ
 
  
        
          พ่อใบตาลเอามือลูบหัวรุตด้วยความเอ็น

       : มีลูกอย่างรุตนี่น่าภูมิใจจริงๆ  ลุงจะสอนให่ใบตาลเป็นคนดี ลุงสัญญารุต
แล้วทั้งสองครอบครัวได้ชวนกันไปที่วัด ไปถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์แล้วก็นั่งคุย ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบตามประสาคนเคยยรู้จัก  หลวงพ่อก็แถมดูหมอให้และสอนเตือนใจอยู่พักนึง  แต่ก็พูดทิ้งทวนไว้ว่าวันข้างหน้า ป๋องจะได้เป็นเจ้าคนนายคน และได้เป็นคนใกล้ชิดกับวัดกับพระ คุณยายก็สาธุ ขอให้เป็นจริงเทิดดด
         ใบตาลพูดว่า: พี่รุตครับพี่ไปเรียนโรงเรียนดังๆเขาสอนอะไรกันหรือครับ   
        รุตว่า  : มันก็ไม่เยอะ แตมันมีของให้ดูจริง มีให้เล่นจริงเหมือนที่มีในหนังสือ เหมือนที่เราเห็นในหนังฝรั่ง แต่ที่โรงเรียนเรา มีคอมพิวเตอร์เยอะแยะ  มีสถานีฯบนช่องดาวเทียม มีเวปไซด์ของโรงเรียน เอง  ที่บ้านนักเรียนก็ต้องมีคอมพิวเตอร์ หรือ ต้องมี ไอโฟนด้วย  จะเรียนได้ทั้งวันหรือตลอด เรียนที่ห้องไม่เข้าใจ ก็ออนไลท์ มาถามคุณครู ถามเพื่อนถามรุ่นพี่  ถามแกงค์ ก๊วนวิชาต่างๆได้ มีชมรม ออนไลท้วย มี..

       พอ พอ พอแล้ว : ใบตาลว่า : ผมงง แต่เดี๋ยวนี้โรงเรียนของผมก็มีคอมพิวเตอร์แล้วด้วยชั้นละห้อง  พวกเด็กๆชอบมากแต่เด็กเยอะเข้าไปเล่นไมค่อยได้
       เดี๋ยวปีหน้า พ่อจะซื้อเครืองใหม่ให้พี่ เครืองเก่าพี่จะให้นาย ใบตาลน้องรัก
       จริงหรือครับผมจะรอ พี่รุตคอยดูนะผมจะเรียนเรื่องคอมฯให้เก่ง  ใบตาลว่า แต่คงโดนน้องแย่งเล่นแน่   

นี่จดเบอร์โทร.พี่ไว้  นี่ เฟสบุ๊คพี่ด้วยเผื่อนายเล่นเป็น ก็ขอให้เข้าไปขอแอดเป็นเพื่อนพี่ได้เลยพี่จะได้สอนอะไรให้เลย  แต่ตอนนี้พวกเราทุกคน ไปที่ดินแดนสุดแสนจะวิเศษของเรากันเถอะ เฮ...ลุ


ความสุขทีมันส์สุดยอด ตามธรรมชาติของเด็กๆคือการเล่นน้ำ  เพราะเด็กอาจจะแค่สนุกแต่ที่สำคัญคือ  เป็นพัตนาการ การเรียนรู้ของอารมย์ กล้ามเนื้อและทักษะ ควบคู่กันไป   สระน้ำข้างวัดก็เป็นสวรรค์ที่หนึ่งของเด็กๆชานเมือง  เล่นฟรี ไม่เสียตังค์แม้ว่าน้ำจะดำและเป็นขี้โคลนสักหน่อย  และเหนืออื่นใดคือไม่มีกำแพงของวิทยะฐานะมาขวางกั้นวิญญานบริสุทธิ์

แม่และยายปล่อยให้ป๋องอยู่กับเพื่อนๆเก่า จนเย็นเพราะเห็นใจที่ป๋องเหงาเพราะพ่อไม่อยู่ ดูป๋องจะมีวามสุขมาก ไม่เหมือนเล่นกับเพื่อนที่โรงเรียนใหม่ เป็นเพราะอะไร


     
2 ปีต่อมา รุตเรียนชั้น ป 5 แน่นอนตามกฏของโรงเรียน จะต้องมีรุ่นน้อง จากโรงเรียวัดหรือโรงเรียนด้อยโอกาศให้ได้เป็นพี่เลี้ยง เด็ก ป 5 ทุกคนจะได้รับใบแนะนำตัว รูปถ่าย คลิป จากโรงเรียน มีน้องๆที่มีแววเป็นช้างเผือกให้ดูแล แต่ป๋องมีอยู่ในใจแล้ว คือ ใบตาล น้อง ป 3 จากโรงเรียนวัดหนองปลาดุก
 ครูทุกโรงเรียนที่มีนักเรียนถูกเลือกต้องเชือมต่อเน็ตเวอร์คตามกฏของกระทรวง ให้ลูกศิษฐ์ตัวเองกับพี่ลี้ยงอย่างน้อยสัปดาห์ละ ๒ ครั้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิ์ภาพการเรียน แนวใหม่ ให้กับเด็ก ถือเป็นการทดลองโครงการการพัตนาแนวใหม่ยุคไอที
รุตยอมเอาเงินค่าขนมที่แม่และยายให้มา ซื้อโทรศัพท์มือถือราคาถูกให้ใบตาล รุตบอกว่าให้ใบตาลรับสายอย่าเดียวไม่ต้องโทรออก  จะได้ไม่ต้องเสียเงิน พี่จะโทรไปหาเอง  ใบตาลโชคดีที่พ่อเป็นภารโรง ครูใหญ่อนุญาติให้ใช้คอมพิวเตอร์ห้องครูใหญ่หลังเลิกเรียนได้ ทำให้ใบตาลเรียนรู้และพัตนาได้เร็วมาก
  3 ปีผ่านไป รุตเรียน อยู่ ป 6 แล้ว    พ่อกลับมาบ้าน รุตดีใจมาก วิ่งเข้ากอดพ่อ พ่อก็กอดรุต แต่ก็แป๊ปเดียว พ่อว่ารุตโตขึ้นเป็นกอง สูงกว่าพ่ออีก พ่อเสียดายไม่ได้กอดลูกตอนเล็กๆทุกวัน พ่อว่าการได้กอดลูกน้อยมันเหมือนเราได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต พ่อพูดเหมือนว่าจะไม่ค่อยสนิทเหมือนเดิมหรือว่าเป็นเพราะเราโตแล้ว รุตคิด.. พ่อมาครั้งนี้พ่อจะหาโอกาศพาไปเที่ยวบ่อยๆ   เหมือนว่าเวลาที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกันมันสั้นนัก  รุตถามพ่อว่าพ่อไม่ไปไม่ได้หรือ หนูอยากเป็นเด็กธรรมดาไม่อยากเก่งมาก อยากอยู่กับพ่อนานๆ แบบใบตาล ใบเตย มีทั้งพ่อและแม่ พ่อใบตาลก็เล่นอยู่กับลูกเหมือนเป็นเพื่อนกัน  พ่อบอกว่าไม่ได้หรอกสมัยนี้ ถ้าไม่มีเงินอยู่ยาก เรียนโรงเรียนดีๆก็ไม่ได้  บ้านที่สบายๆก็ไม่มี เวลาเจ็บป่วยกต้องไปหาหมอแต่หัวรุ่งต้องรอกว่าจะได้ตรวจเป็นวันๆ   มีเงินไว้ก่อนนะดีแล้วสมัยนี้มันสบายกว่าเยอะเลยลูก  ป๋องก็คิดตามพ่อแล้วก็น่าจะถูกของพ่อแต่ก็ไม่แน่ใจ
              พ่ออยู่กับครอบครัวได้ 2 อาทิตย์พ่อก็กลับ รุตเสียดายเวลามาก ทำไมเร็วเหลือเกิน 14 วันเหมือนวันเดียว แต่พ่อสัญญาว่า อีก 2 ปีพ่อจะกลับมาหางานทำเมืองไทย  พ่อบอกว่าเดี๋ยวนี้พ่อเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษเรื่องระบบไฟฟ้าและความปลอดภัยในอาคารใหญ่ๆคงมีงานให้ทำเยอะเพราะเมืองไทยคนเก่งด้านนี้จริงๆยังมีน้อย อาจเป็นเพราะคนไทยนิสสัยไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยนัก         
      รุตเเรียนจบ ป 6  พอดีกับที่พ่อสัญญาว่า พ่อจะกลับมาอยู่เมืองไทย  พ่อกลับมาจริงๆ  พ่อได้ทำงานที่ใหม่ดูแลงานติดตั้งฯตรวจสอบระบบไฟฟ้าความปลอดภัยตึกที่สร้างใหม่ๆของบริษัทรับเหมาขนาดใหญ่ในเมืองไทย   ส่วนรุตได้โรงเรียนใหม่ ชื่อดัง ในจังหวัดและต้องย้ายไปอยู่หอพัก ซึ่งไม่เป็นปัญหาอะไรของเด็กวัยรุ่น  รุตเรียนหนักกว่าเดิมเพราะกลัวพ่อจะผิดหวัง จนไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไหร่ จนอยู่ ม 5 คุณยายซึ่งเป็นโรคหัวใจอยู่เกิดเสียชีวิตกระทันหันเพราะเกิดหัวใจล้มเหลว  รุตเสียใจมากโทษตัวเองว่าทิ้งคุณยาย จนเป็นเหตุทำให้คุณยายคิดถึง  และตัวเองไม่ยอมโทร.มา ซ้ำยังโทษว่าคุณยายไม่ยอมเล่นเฟสบุ๊คอีก   พ่อและแม่บอกว่าถึงยายคุยกับป๋องทุกวันก็ต้องตายเพราะอายุมากแล้วและยายก็เป็นโรคหัวใจมานานแล้วด้วย  รุตยังไม่เชื่อนัก และสัญญากับตัวเองว่าจะเป็นหมอโรคหัวใจให้ได้
    แต่ในขณะเดียวกันรุตก็ได้รับข่าวดีว่า ใบตาลได้รับรางวัลเด็กเก่งเด็กดีศรีโรงเรียนวัด   และรุตก็เป็นครูคนหนึ่งในบันทึกรายงานสาเหตุรวมๆที่ทำให้พัตนาตัวเองจนได้รับรางวัลนี้  และรุตก็ได้รับเชิญไปงานรับรางวัลเกียรติยศนี้ด้วย
   ตอนท้ายคำปราศรัยของครูใหญ่
       ท่านผู้ปกครองที่เคารพ และนักเรียนโรงเรียนหนองปลาดุกที่รักทุกคนค่ะ  วันนี้บุคคลสำคัญคนหนึ่งที่ทำให้โรงเรียนของเรามีชื่อเสียงวันนี้ได้นอกจากหลายๆฝ่ายได้ช่วยเหลือกันแล้ว ยังมีผู้หนุนหลังผู้อยู่เบื้องหลังทีสำคัญมากๆคนหนึ่งของเรา เขาคนนั้นคือเด็กชายธีรุตน์  ศรีตะวัน  หรือพี่รุตของเรานั่นเอง   ขอเรียนเชิญมากล่าวอะไรให้น้องๆและผู้ปกครองฟังหน่อยค่ะ    เสียงตบมือกันสนั่นหวั่นไหวของผู้ปกครองและนักเรียนทำให้รุตเขินมาก  แต่ในฐานะคนเก๋ง แป๋บเดียงก็สลัดอารมย์นั้นทิ้งได้ เดินขึ้นเวที ด้วยความดีใจ ตื้นตันใจ
 ขอบคุณครับ คุณครูใหญ่ คุณครูทุกท่าน ท่านผู้ปกครองและนักเรียนน้องๆทุกคน  ขออภัยด้วยนะครับ ผมพูดไม่ค่อยเป็นแต่ ดีใจครับ ดีใจมาก ดีใจสุดๆ ขอแสดงความดีใจ ที่น้องใบตาลของผมได้รับรางวัลนี้    ผมร้องเพลงสักเพลงแทนการพูดดีกว่า  ใบตาลว่าพี่ป๋องร้องเพลงเป็นด้วยหรือครับ  รุตบอกว่าก็แกนั่นแหละต้องช่วยพี่ที  ฟังครั
  งานเลี้ยงครั้งแรกของรุตเลิกรา แต่ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป
            ผ่านไปอีก 3 ปีรุตสอบได้มหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐ เรียนได้เทอมเดียวก็ต้องดร็อบไว้ เพราะได้ทุนเรียนแพทย์ที่อเมริกาตามที่เคยทำเรื่องขอไว้  แม่ดีใจมาก แต่พ่อไม่เท่าไหร่ เพราะอยากให้ลูกเป็นวิศวกร หรือนักวิทยาศาสตร์มากกว่า   แล้วรุตก็ไปอยู่แดนไกล บ้านที่เคยอยู่ก็ดูเงียบๆไปมาก พ่อไปทำงาน แม่ก็อยู่บ้านเพียงลำพัง  แต่รุตก็ เฟสมา  สไกด์มาบ่อยๆจึงทำให้ดูเหมือนว่าไม่ห่างกันเท่าไหร่ แต่ก็อดเป็นห่วง แม่ได้  แม่บอกไม่เป็นไรคนรุ่นก่อนเหงากว่านี้เยอะ เพราะไปแล้วกว่าจะติดต่อกันได้ ก็หลายวันทีนึงเพราะค่าโทร.แพงมาก  รุตก็ว่าพ่อทำแต่งาน อยู่กับเพื่อนน่าจะกลับมาดูแลแม่บ้าง  พ่อบอกว่าพ่อเบื่อ ที่แม่ขี้บ่น  รุตว่าก็พ่อชอบมีเด็กเอาะๆแม่คงหึง หรือเสียดายเงิน พ่อว่าผู้ชายต้องมีบ้างเดี๋ยวป๋องโตก็คงรู้  แต่รุตไม่เข้าใจอยู่ดี
    ใบตาลหลังจากจบ ม 3 แล้วก็สอบเข้าเทคนิคแห่งหนึ่ง ได้เรียนช่างยนต์สมใจนึก กะว่าอย่างน้อยต้องได้ทำงานที่โรงงานประกอบรถยนต์แถวๆนิคมที่อยุทธยาไม่ไกลบ้านเท่าไหร่ จะได้คอยดูแลพ่อแม่ที่ อายุมากขึ้นทุกวัน แล้วเมื่อเรียนจบไปสมัครงาน ทางฝ่ายบุคคลเช็คประวัติแล้วก็รับเข้าทำงานทันที  ทางบริษัทก็ไม่ผิดหวังเพราะใบตาลเป็นคนขยัน อททน และสมองดี ทำอยู่ไม่นานก็ได้เป็นหัวหน้าช่าง   ไปดูงานไปดูมา ปีเดียวก็ได้แฟนสาวญี่ปุ่นคนนึง  เธอบอกว่าเธออยากมาอยู่เมืองไทยอยากเป็นคนไทย  พ่อแม่ใบตาลก็ชอบอยากมีลูกสะใภ้ญี่ปุ่นน่ารักๆ  ส่วนใบเตยก็เพ่งจะสอบเข้อาชีวะ เข้าสายบัญชี  กะว่าคงได้ทำงานใกล้ๆบ้านเช่นกัน เพราะไม่อยากจากพ่อแม่ไปไกลๆเป็นห่วงท่าน แต่คงไม่มีปัญหาเพราะใบตาลสวย คมเข้ม พูดเก่งใครๆก็เอ็นดู ใครก็อยากอยู่ใกล้ ยังไงก็คงไม่ตกต่ำ
       อนิจจัง ชีวิต
  รุตเรียนอยู่อเมริกาใกล้ 3 ปีเกือบจะจบมหาลัย  แม่บอกว่าพ่อประสบอุบัติเหตุรถโดนชนอาการหนักให้รีบกลับมาเยี่ยมเหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางใจ รุตรำพึง อุตสาห์มาเรียนหมอเพื่อหวังจะช่วยพ่อแม่ยามเจ็บป่วยแต่ชีวิตเมื่อถึงคราจะเจ็บมันก็ต้องเจ็บ รุตรีบๆเคลียร์ราวทางโน้นเคล่าๆก็ชวน ปีเตอร์เพื่อนรัก ฝรั่งอมริกาเที่เรียนด้วยกันบินมาด้วย  เมื่อรุตมาถึง ได้จับมือพ่อบีบๆแป๊บเดียวพ่อก็สิ้นใจ รุตสียใจมาก      ทางบ้านต้องรีบเผาศพเพราะรุตยังมีภารกิจที่ต้องรีบกลับเพราะยังเคลียร์เรื่องการเรียนจบระดับปริญญาทางโน้นยังไม่เสร็จ
  ครอบครัวใบตาลทั้งหมดมาอยู่ช่วยงาน ใบตาลกับปีเตอร์มาปิ๊งกันเหมือนบุปเพสันนิวาสบันดาล   ต่างคนก็รู้สึกว่ามีความผูกพันกันลึกมานานแสนนานไม่รู้เท่าไหร่ ทั้งที่ใบตาลภาษาอังกฤษแทบไม่กระดิกหู ต่างก็นั่งเขินไปมา พูดคุยผ่านล่ามพี่ธีรุตน์ จนกระทั่งเสร็จงานศพคุณพ่อ  รุตกับปีเตอร์ก็ต้องขอกลับอเมริกาเพื่อเคลียร์เรื่องราวต่างๆให้เสร็จ  โดยรุตขอร้องให้ใบเตยช่วยมาอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่เมื่อมีโอกาศ  ปีเตอร์ก่อนกลับไปก็พูดให้สัญญากับใบเตยว่าจะมาขอแต่งงานแน่นอนที่สุด รอเพียงให้ได้ทำงานก่อน ซึ่งระดับนี้แล้วการมีงานดีๆทำเป็นเรื่องที่ง่าย ใบตาลก็ตอบตกลงเธอจะรอปีเตอร์กลับมา
    11 มีนาคม  เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ ทางตอนเหนือของเกาะฮอนชูประเทศญี่ปุน และตามด้วยคลื่นทสึนามิจนเมืองชายทะเลย่าน เมืองฟุกุชิมะ และ แถวๆจังหวัดอิวากิ  ของญี่ปุ่นพังราบ  ข่าวคราวของ มิกิ แฟนสาวของใบตาลที่บ้านเกิดของเธออยู่ที่เมืองเมืองมิโตะ หายไปแบบไร้ร่องรอย  บ้านเกิดเธออยู่แถวนั้นพอดี ใบตาลภาวนาขออย่าให้เธอกลับไปเยี่ยมบ้านเลย  7วันผ่านไปจึงติดต่อ สำนักงานที่เธอทำงานได้ จริงด้วยเธอลางานกลับบ้านพอดี  ใบตาลใจหายแว๊ปมืออ่นตีนอ่อนสื้นเรี่ยงแรง เหมือนโลกทั้งใบจะหยุดหมุน  ภาวนาขอให้เธอรอดชีวิต รออยู่หลายวันเห็นข่าวคราวเงียบหาย จึงตัดสินใจเดินทางไปกับเพื่อนญี่ปุ่นที่ทำงานที่โรงงานเดียวกัน
      เข้าสู่แดนธรรม
  
    หนึ่งเดือนต่อมาหลังจากหมดหวังที่จะตามหามิกิแฟนสาว เธอถูกจัดให้เป็นบุคลที่สูญหาย  ใบตาลกลับมาบ้าน เธอขอบวชให้พ่อแม่และอุทิศส่วนบุญให่เธอและญาติพี่น้องร่วมถึงประชาชนชาวญี่ปุ่นที่พบชะตากรรมด้วยเพราะคิดว่ายังไงเธอก็คงไม่รอดและจากการได้เข้าไปสำผัสกับเหตุการณ์มหาภัยพิบัติด้วยตนเองทำให้เกิดความสลดสังเวช สงสารพี่น้องที่ประสบชะตากรรมยิ่งนัก  และโรงงานประกอบรถยนต์ที่เมืองไทยมีปัญหาด้วยเพราะบริษัทแม่ที่ผลิตชิ้นส่วนสำคัญที่ญี่ปุ่นไม่สามารถผลิตได้เพราะโรงงานไฟฟ้าถูกทำลาย ปัญหาเพื่อนว่างงาน ก็รุมเร้าจึงขอลาบวชศึกษาพระธรรม สงบจิตสงบอารมย์อยู่กับวัดเป็นเวลาบหนึ่งเดือนจึงสึกออกมาทำงานต่อ

            ส่วนรุต หลังจากเรียนจบและเคลียร์เรื่องต่างๆเสร็จแล้วก็ขอกลับเมืองไทยเลยแต่ก็กลับไม่ได้เพราะต้องทำงานใช้ทุุนที่โรงพยาบาลดังที่สหรัฐอเมริกาก่อน 2 ปีก่อน  ด้วยว่าเป็นห่วงแม่มาก เพราะเหลืออยู่คนเดียว จึงต้องไปรับแม่มาอยู่ที่อเมริกาด้วยต้องขอร้องอยู่นานและสัญญาว่าจะกลับมาทำงานที่เมืองไทยให้เร็วที่สุด
    รุตทำงานได้ไม่นานก็ได้เป็นยอดฝีมือด้านรักษาโรคหัวใจ  ด้วยคิดถึงเมืองไทยคิดถึงใบตาลและสงสารแม่มากจึงติดต่อโรงพยาบาลเมืองไทยที่เปิดรักษาด้านหัวใจด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดซึ่งก็เป็นสาขาของโรงพยอาบาลดังที่ให้ทุนเล่าเรียน โรงพยาบาลก็รีบรับตัวไว้ทำงานทันทีด้วยค่าจ้างหลายแสนบาทต่อเดือน แม่ก็ดีใจมากที่ลูกได้พาแม่กลับมาเมืองไทยอีกครั้ง
   ปลายปีเกิดน้ำท่วมใหญ่ภาคกลางประเทศไทย เกิดความเสียหายใหญ่หลวงเป็นวงกว้าง หลายจังหวัดรวมถึงเมืองหลวง โรงงานประกอบรถยนต์โดนน้ำท่วมหนัก รถที่ประกอบไว้ทั้งหมดลอยน้ำเหมือนของเล่น  บริษัทต้องปลดคนงานออกจำนวนมาก  ใบตาลเกิดความสลดสังเวชในชีวิตอีกครั้ง  จึงออกมาบวชกับหลวงพ่ออีกครั้งและบอกหลวงพ่อว่าไม่ขอสึกแล้ว ชักเบื่อหน่ายเรื่องราวทางโลกที่นับวันดูเหมือนกับว่าการเกิดมาเป็นทุกข์เหมือนที่พระท่านเทศนาจริงๆ  นับว่าโชคดีที่ใบตาลยังไม่มีครอบครัวมิฉะนั้นคงบวชไม่ได้  อีกอย่างที่ตนเองปรารถนาคือจะได้ดูแลพ่อแม่อยู่ใกล้ๆด้วยไม่อยากมีภาระอื่นอีก
       ฟ้าหลังพายุฝน
  รุตทราบข่าวก็ตกใจมากรีบมาหาใบตาล  คิดว่าชีวิตจิตใจของน้องใบตาลต้องเจ็บปวดมากถึงขนาดต้องบวชอีกครั้งหรือ 
 ภิกษุใบตาลว่า : อาตมา  ไม่เอาไม่ถนัดไว้พูดกับคนอื่นดีกว่า  ขอพูดว่าผมดีกว่า คือโยมพี่ครับ  ก่อนหน้านี้ตอนผมบวชครั้งแรกเพราะผมเศร้าและเจ็ปปวดมาก สงสารแฟน สงสารเพื่อนมนุษย์มากที่ต้องประสบชะตากรรมอันโหดร้าย  แต่หลังจากบวชและศึกษาพระธรรมไปพักหนึ่ง เหมือนว่าผมจะนึกอะไรออกมันแว๊ปๆขึ้นมาในใจเหมือนว่ามันจะโล่งโปร่งเบามีความสุขอย่างประหลาดแต่มันก็เป็นได้แป๊บเดียว  จนกระทั่งบ้านเราเจอภัยน้ำท่วมหนักและผมได้เห็นความเดือดร้อนของเพื่อนมนุษย์อีกครั้ง  ทำให้ผมนึกถึงอะไรแว๊ปๆที่เคยสำผัสนั้นผมตั้งใจว่าจะตามหาสิ่งนั้นให้เจอ และมั่นใจว่าผมต้องเจอ  ผมเชื่อว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อผมเองและผู้คนอีกมากมาย
   รุตว่า : สงสัยหลวงน้องจะสำเร็จอรหันต์  ให้กระผมได้เกาะชายผ้าเหลืองบ้างนะขอรับ 
   ภิกษุใบตาล :  โยมพี่ก็  ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอก แค่เฉียดสักโยขน์ก็พอมั้ง 
   รุตว่า : บางครั้งผมก็อยากบวชเหมือนกันครับ
   ภิกษุใบตาล: อย่าเลย เป็นหมอช่วยคนก็ได้กุศลแแรง แล้วโยมพี่ เมื่อถึงเวลานั้นก็แล้วแต่วาสนา
   รุต  :  งั้นผมจะมาหาหลวงน้องบ่อยๆ มีปัจจัยอะไรขาดเหลือยังไง แจ้งให้กระผมทราบด้วยนะครับ
แล้วรุตก็กลับไปด้วยความสุขไม่มีความวิตกกังวลห่วงใยใบตาลอีก  คิดและเชื่อว่า เธอคงไปได้ดีแน่นอน คนทุกข์ทั่วไป รวมถึงพ่อแม่ ต้องได้พึ่งาศัยพิงอแน่นอน  ฉันปลื้มใจกับน้องใบตาลจริงๆ
  ต้นปีต่อมาปีเตอร์พาพ่อแม่มาเมืองไทยสู่ขอใบเตย แต่งงานแล้วก็พาไปอยู่ที่อเมริกา รุตและหลวงพี่ใบตาลช่วยให้งานและพิธีกกรรมต่างๆสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี  ปีเตอร์สัญญากับรุต กับหลวงพี่ใบตาล กับ พ่อแม่ใบตาลว่าจะดูแลน้องใบเตยออย่างดี รุตก็บอกพ่อแม่ใบเตยว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพื่อนฝรั่งคนนี้เป็นคนดีจริงเชื่อใจได้ หากมีปัญหา รุตจะไปรับตัวใบเตยกลับเมืองไทยเอง



 สุดท้ายรุตก็ไม่ยอมแต่งงาน ใบตาลก็บวชไม่สึก แต่พวกเขาก็ได้อยู่ใกล้ชิดกัน   แต่พ่อแม่สิไม่มีหลานให้เชยชม แต่คนเราบุญเคยทำกุศลเคยสร้าง หลังจากนั้น 3 ปีสามีใบเตยถูกส่งตัวมาทำงานที่โรงพยาบาลด้านโรคหัวใจแนวใหม่ทันสมัยไฮเทคที่สุด  สาขาเมืองไทย ใบเตยและลูกๆ 2 คนก็ได้กลับมาอยู่เมืองไทย เธอพูดฝรั่งได้ปร๋อ ลูกๆก็พอพูดไทยได้  พวกเขาเป็นดั่งน้ำทิพย์จากสวรรค์ที่ถูกชโลมให้ญาติพี่น้องได้ชื่นใจ ได้ชื่นชม ด้วยความสุขความอบอุ่นยิ่ง ใบเตยเธอตกลงกับสามีแล้วว่า จะมีลุกให้มากที่สุดเพื่อชดเชยให้พี่รุต และพี่ใบตาล ที่ไม่ยอมมีเมียแน่นอนแล้ว