วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เดชคำภีร์เทวดา

เป็นภาพยนต์จีนกำลังภายในที่ข้าพเจ้าชื่นชอบมากเรื่องหนึ่ง ที่ซื้อวิดีโอ จากร้านแมงป่องครบทั้ง 3 ม้วน  และจะเก็บรักษาไว้เป็นตำนานตลอดไปแม้ว่าไม่มีเครื่อง วิดีโอให้ดูแล้ซึ่งสร้างจากนิยายเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรซึ่งเค้าเรื่องเดิมในแง่คิดของข้าพเจ้าน่าจะให้แง่มุมที่เป็นปรัชญาแบบบูรพามากกว่า เพราะคำว่าบูรพานี้ซ่อนความหมายได้ลึกหลายชั้น และเป็นเรื่องที่สูงกว่าเรื่องการแก่งแย่งชิงกันทางโลกของมนุษย์ธรรมดามากกว่า แต่หนังยังไงก็ต้องเอามันส์ไว้ก่อนยังงั้นคงไม่มีใครดู


เดชคัมภีร์เทวดา .... จากวิกิพีเดีย https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3

เดชคัมภีร์เทวดา ชื่อภาษาไทยของภาพยนตร์จีนกำลังภายใน ชื่อภาษาอังกฤษว่า The Swordsman (ภาษาจีนกลาง : 笑傲江湖 กว่างหลิงซ่าน) นำแสดงโดย แซม ฮุย กำกับโดย หูจินเฉวียน อำนวยการสร้างโดย ฉีเคอะ ออกฉายในปี พ.ศ. 2533 ความยาว 120 นาที
     
เนื้อเรื่องย่อ
เหล็งฮู้ชง (แซม ฮุย) เป็นศิษย์เอกสำนักหัวซาน เป็นศิษย์ของงักปุ๊กคุ้ง เจ้าสำนักหัวซาน เหล็งฮู้ชงเป็นคนไม่มีพรสวรรค์ด้านการฝึกวิชา แต่เป็นคนชอบสนุกสนานรื่นเริงและจริงใจกับคนรอบด้าน เขาได้ออกเดินทางผจญภัยไปในยุทธภพและได้พบกับฟงชิงหยาง ผู้เฒ่าพเนจรผู้ก่อตั้งสำนักหัวซาน


ฟงชิงหยางได้สอนวิชากระบี่โต๊ะโกให้แก่เหล็งฮู้ชง ทำให้เหล็งฮู้ชงกลายเป็นผู้เยี่ยมยุทธ และท้ายที่สุด งักปุ๊กคุ้ง อาจารย์ของเหล็งฮู้ชง ผู้ที่เหมือนว่าจะเป็นผู้ดีแต่จริง ๆ แล้วต้องการจะครอบครองคัมภีร์ทานตะวันเพื่อเป็นเจ้ายุทธจักร ผู้ดีเป็นผู้ร้าย มีแต่เพียงเหล็งฮู้ชง บุคคลที่ไม่เอาไหนเท่านั้น ที่สามารถจะร้องเพลงเยาะเย้ยยุทธจักรได้อย่างแท้จริง เป็นการฉีกแนวภาพยนตร์ที่พระเอกกลายเป็นผู้ที่ไม่ได้เก่งกล้ากว่าคนอื่นมากที่สุดแต่อย่างใด

ความนิยม

เดชคำภีร์เทวดา เป็นภาพยนตร์ที่สร้างมาจากนวนิยายเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรของกิมย้ง ซึ่งถือได้ว่าเป็นนิยายเสียดสีล้อเลียนการเมืองของจีนในปี พ.ศ. 2510 ใจความสำคัญอยู่ที่ผู้ที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ดีแต่จริง ๆ แล้วเป็นผู้ร้าย และบุคคลธรรมดา ๆ ที่ไม่โดดเด่น ไม่เอาไหน ต่างหากคือบุคคลที่จริงใจ และยิ้มเย้ยยุทธจักรได้อย่างแท้จริง


ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จอย่างมากในการออกฉาย รวมทั้งในประเทศไทยด้วย จนต้องมีการสร้างภาค 2 ที่นำแสดงโดย หลี่เหลียนเจี๋ย, หลินชิงเสีย ในปี พ.ศ. 2534 ในชื่อ "The Legend of the Swordsman" และภาค 3 ในตอน ตงฟังปุ๊ป้าย (The East is Red) ในปีถัดมา นำแสดงโดย หลินชิงเสีย, หวังจู่เสียน, อีกทั้งได้ถูกสร้างออกมาเป็นละครโทรทัศน์อีกหลายต่อหลายครั้งในภายหลัง และยังเป็นภาพยนตร์ที่สร้างชื่อให้แก่ฉีเคอะผู้อำนวยการสร้างเป็นอย่างมากอีกด้วย ซึ่งต่อมาได้เป็นผู้กำกับเองในภาค 2 และภาค 3

การวางโครงเรื่อง หลินชิงเสีย เป็นตงฟางปุป้าย  เอี่ยงเอี้ยง หรือ อิ๋งอิ๋ง ในฉบับการ์ตูน
"ธรรมะ อธรรม และวิญญูชนจอมปลอม" หมายความว่า ความแบ่งชนชั้นทางสังคมของธรรมะ และ อธรรม คนไหนนิสัยไม่ดี หรือ คบหาคนไม่ดีก็แบ่งเป็นฝ่ายอธรรม ทั้งที่ฝ่ายธรรมะจะมีแต่คนดี และ คนของฝ่ายอธรรมใช่ว่าต้องเลวร้ายเสมอไป คนฝ่ายธรรมะที่เลวร้ายก็มี คนที่ดีในฝ่ายอธรรมมันก็มี
"วิญญูชน" หรือ "วีรบุรุษ" ตามความหมายของพจนานุกรมไทยฉบับบัณฑิตราชสถาน หมายความว่า คนที่ได้รับยกย่องจากผู้คนในทางที่ดี

ส่วนวิญญูชนจอมปลอม  คือ คนที่ไม่ใช่วีรบุรุษอันแท้จริง มักมีจุดประสงค์ร้ายเคลือบแฝงอย่างแน่นอน อย่างงักปุกคุ้งอาจารย์ของตัวเอกของเรื่อง คนอื่นมองภายนอกว่าเป็นคนดี เที่ยงธรรม ยุติธรรม แต่แท้จริงแล้วโกหกปลิ้นปล้อนหลอกลวงเพื่อให้ตัวเองเป็นใหญ่ในยุทธจักร คาดว่าหลายประเทศก็มีเหมือนกันแต่นักการเมืองคนหนึ่งของเวียดนาม ได้นำเอาคำว่า งักปุกคุ้ง อันเป็นวิญญูชนจอมปลอมไปกล่าวหานักการเมืองอีกคนหนึ่งเหมือนกัน




กระบี่เย้ยยุทธจักรเป็นเรื่องราวการแย่งชิงความเป็นหนึ่งในยุทธจักร ระหว่าง ธรรมะ และ อธรรม ท่ามกลางความขัดแย้งและการแย่งชิงอันรุนแรง เหล้งฮู้ชง จอมยุทธฝ่ายธรรมะ ศิษย์เอกของสำนักหัวซาน เป็นคนเปิดเผย ไม่ยึดติดกฎเกณฑ์ คบหาคนด้วยใจ ไม่สนว่าจะเป็นคนฝ่ายธรรมะหรือฝ่ายอธรรม จนถูกขับออกจากสำนัก แต่ยังไม่พ้นเข้าไปพัวพันเหตุความขัดแย้งต่างๆ ทั้งการชิงความเป็นใหญ่ภายในของฝ่ายธรรมะ และการชิงความเป็นใหญ่ภายในของฝ่ายอธรรม จนสับสนวุ่นวายว่าใครกันแน่ที่เป็นมาร ใครกันที่เป็นฝ่ายอธรรม และใครที่เป็นฝ่ายธรรมะ เพียงต้องการที่จะเป็นที่หนึ่ง ไม่เลือกวิธีการ งักปุ๊กคุ้ง เจ้าสำนักหัวซาน ผู้ได้ฉายาว่ากระบี่ผู้ดี ถึงกับทรยศครอบครัว และศิษย์ของตัวเอง จ้อแหน้เซี้ยง เจ้าสำนักซงซาน กำจัดทุกคนที่ไม่คล้อยตามตนเอง ก็เพียงต้องการได้ชื่อว่า;เป็นอันดับหนึ่งในยุทธภพ"

นวนิยายเรื่องนี้ เป็นนวนิยายที่ล้วนแฝงไว้ด้วยแนวคิดปรัชญาการดำรงชีวิต อีกทั้งยังมีการเสียดสีสังคมอยู่ตลอด แต่ก็หาได้ขาดอรรถรสของนวนิยายกำลังภายในไปแต่อย่างใด ในขณะที่เรื่องดำเนินไป จะเกิดคำถามขึ้นตลอดเวลา ถึงเรื่องของความถูกผิดในพฤติกรรมของตัวละครแต่ละตัว ตัวละครฝ่ายธรรมะ หรือตัวละครฝ่ายอธรรม ต่างมีความเป็นเอกลักษณ์ในตัวเอง โดยมีตัวละคร เหล้งฮู้ชง เป็นตัวดำเนินเรื่อง และเป็นตัวเปรียบเทียบ ว่าความสุขของชีวิตที่แท้จริงนั้น อยู่ที่ไหนกันแน่
  
เนื้อเรื่องย่อโดยสังเขป
หล้งฮู้ชง ศิษย์เอกของสำนักหัวซาน ได้พบและคบหากับ เค็กเอี๊ยง แห่งพรรคมาร โดยบังเอิญ และได้เข้าช่วยเหลือให้ความปรารถนาของ เค็กเอี๊ยง และ หลิวเจิ้นฟง แห่งสำนักเหิงซาน ที่ต้องการล้างมือจากยุทธภพ บรรเลงเพลง เย้ยยุทธจักร ที่ทั้ง 2 แต่งขึ้นเป็นจริงขึ้นมา ทำให้เริ่มขัดแย้งกับจอมยุทธฝ่ายธรรมะ  และถูกอาจารย์ลงโทษให้ไปเก็บตัวอยู่บนผาสำนึกตนเป็นเวลา 1 ปี ห้ามลงจากเขาเด็ดขาด ที่ผาฯ นั้นเอง เหล้งฮู้ชง ได้พบกับ ปรมาจารย์สายกระบี่ ฟงชิงหยาง และได้รับการถ่ายทอด เก้ากระบี่ต๊กโกว ทำให้ฝีมือรุดหน้าอย่างรวดเร็ว จนถูกคนเข้าใจผิดว่า เหล้งฮู้ชง ขโมยฝึกวิชา เพลงกระบี่ปราบมาร ของตระกูลลิ้ม    
ด้วยเหตุที่ถูกเข้าใจผิด จึงได้มีวาสนาได้ใกล้ชิดกับ หยิ้นอิ๋งอิ๋ง ธิดาเทพแห่งพรรคมารเข้า และก่อตัวเป็นความรัก ยิ่งทำให้ขัดแย้งกับชาวยุทธฝ่ายธรรมะมากยิ่งขึ้นไปอีก จนถูกอาจารย์ขับออกจากสำนักในที่สุด หลังจากนั้น ความรักของทั้งคู่ก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
   
 เพื่อช่วยอาการบาดเจ็บของ เหล้งฮู้ชง หยิ้นอิ๋งอิ๋ง ยอมบุกเข้าวัดเส้าหลินเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยไม่สนถึงฐานะธิดาเทพของตน ยอมอยู่วัดเส้าหลิน 10 ปี แลกกับความช่วยเหลือ เหล้งฮู้ชง ต่อมา เหล้งฮู้ชง ได้เข้าช่วยเหลือพ่อของ หยิ้นอิ๋งอิ๋ง ออกจากคุกใต้ทะเลทราย โดยไม่รู้ว่าที่แท้พ่อของนางก็คือ หยิ้นอั้วฮั้ง อดีตประมุขพรรคมาร และได้เรียนวิชา มหาเวทดูดดาว เข้าโดยบังเอิญ เหล้งฮู้ชง ทราบข่าวว่า หยิ้นอิ๋งอิ๋ง ถูกกักตัวอยู่ที่วัดเส้าหลิน จึงรวบรวมเหล่าชาวยุทธบุกเส้าหลินเพื่อช่วยนางออกมา ต่อมา เหล้งฮู้ชง ได้เข้าช่วยเหลือ หยิ้นอั้วฮั้ง ชิงตำแหน่งประมุขพรรคมารคืนจาก ตงฟางปุ๊ป้าย และได้รับการชักชวนให้เป็นรองประมุขจาก หยิ้นอั้วฮั้ง แต่ว่า เหล้งฮู้ชง ปฏิเสธ แล้วจากมา

ในขณะเดียวกัน จ้อแหน้เซี้ยง เจ้าสำนักซงซาน ผู้นำแห่ง 5 ขุนเขากระบี่ ได้เริ่มดำเนินแผนรวมห้าขุนเขากระบี่เป็นหนึ่ง เพื่อก้าวสู่ความเป็นใหญ่ในฝ่ายธรรมะ แต่ ตึ้งอี้ซือไท้ เจ้าสำนักหานซาน คัดค้านไม่ยอมคล้อยตาม ตึ้งอี้ซือไท้ จึงถูก จ้อแหน้เซี้ยง ลอบทำร้าย โชคดีที่ได้ เหล้งฮู้ชง เข้าช่วยเหลือจึงรอดมาได้ แต่ในที่สุด ติ้งอี้ซือไท้ ก็ถูกสังหารจนได้ โดยคนชุดดำ และได้ทิ้งคำสั่งเสียให้ เหล้งฮู้ชง รับสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักหานซาน หลังจากรับตำแหน่งเจ้าสำนักหานซาน และชักชวนชาวยุทธให้เข้าสำนักหานซานแล้ว จ้อแหน้เซี้ยง ได้เรียกประชุม 5 สำนัก เรื่องการรวมตัวกันของสำนัก 5 ขุนเขากระบี่ โดยการประลองกระบี่ ผลคือ งักปุ๊กคุ้ง สามารถชนะและสังหาร จ้อแหน้เซี้ยง ลงได้ แต่วิชาที่ใช้นั้น กลับเป็น เพลงกระบี่ปราบมาร ไม่ใช่เพลงกระบี่หัวซานแต่อย่างใด แผนการที่วางมานานของ งักปุ๊กคุ้ง จึงได้ถูกเปิดเผยออกมาในการประลองนี้ หลังจาก งักปุ๊กคุ้ง ได้ตำแหน่งประมุขพรรค 5 ขุนเขากระบี่แล้ว ก็ได้เริ่มแผนการขั้นต่อไป คือกำจัดพรรคมาร เพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ให้แก่ตนเอง งักปุ๊กคุ้ง ชักชวน เหล้งฮู้ชง ให้เข้าร่วมกับตนเพื่อช่วยกำจัดพรรคมาร


เหล้งฮู้ชง หลีกเลี่ยง โดยอ้างการส่ง ศิษย์หานซาน กลับสำนักหานซานก่อน แล้วจึงจะมาช่วยงาน พรรค 5 ขุนเขากระบี่ ระหว่างทาง ได้พบเข้ากับ ลิ้มเพ้งจือ กำลังจะสู้กับ อื้อชางไห่ เจ้าสำนักชิงเฉิง และ มู่เกาฟง เพื่อแก้แค้นให้ พ่อแม่ ที่ตายไป โดยเพลงกระบี่ที่ใช้รวดเร็วและร้ายกาจ เป็น เพลงกระบี่ปราบมารนั่นเอง ลิ้มเพ้งจือ มีฝีมือร้ายกาจ แม้ อื้อชางไห่ และ มู่เกาฟง ร่วมมือกัน ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ ในที่สุด แม้ว่า ลิ้มเพ้งจือ จะเอาชนะและสังหารทั้งคู่ได้สำเร็จ แต่ก็ต้องพลาดท่าถูกเลือดพิษของ มู่เกาฟง ทำให้ตาบอด หลังจากตาบอด งักเล้งซัง ติดตามดูแล ลิ้มเพ้งจือ อยู่ไม่ห่าง ลิ้มเพ้งจือ เล่าเรื่องราวทุกอย่างให้นางฟัง รวมทั้งเรื่องการเฉือนความเป็นชายเพื่อฝึก เพลงกระบี่ปราบมาร งักเล้งซัง มีใจรักมั่น แม้เสียใจ แต่นางก็ยังต้องการที่จะดูแล ลิ้มเพ้งจือ ต่อไป แต่เพื่อแก้แค้น งักปุ๊กคุ้ง ที่ขโมย คัมภีร์กระบี่ปราบมาร ไป ลิ้มเพ้งจือ จึงได้ลงมือสังหาร งักเล้งซัง อย่างเลือดเย็น แล้วหนีไปหลบซ่อนตัวเพื่อรอการแก้แค้น งักปุ๊กคุ้งต่อไป

หลังจาก งักปุ๊กคุ้ง ดำเนินการที่จะกำจัดพรรคมาร โดยหวังใช้ เหล้งฮู้ชง มาช่วยตนกำจัด หยิ้นอั้วฮั้ง แต่เมื่อถูก เหล้งฮู้ชง ปฏิเสธ จึงหันกลับมาหวังกำจัดแทน และเข้าขอความช่วยเหลือจาก วัดเส้าหลิน และ สำนักบู๊ตึ๊ง แต่ถูกปฏิเสธ งักปุ๊กคุ้ง จึงต้องสู้กับ พรรคมาร เพียงลำพัง ทางฝ่าย หยิ้นอั้วฮั้ง เองก็ต้องการให้ เหล้งฮู้ชง มาเข้ากับฝ่ายตนเช่นเดียวกัน จึงปล่อยข่าวเรื่องที่ เหล้งฮู้ชงช่วยเหลือ หยิ้นอั้วฮั้ง ถึง 2 ครั้ง 2 ครา หลังจากนั้นก็ได้พาตัว เหล้งฮู้ชง มาที่ ผาไม้ดำ และเสนอเรื่องการแต่งงานกับ หยิ้นอิ๋งอิ๋ง และรับตำแหน่งรองประมุขพรรคตะวันจันทรา แต่เพื่อไม่ให้ผิดต่อคุณธรรม เหล้งฮู้ชง จึงปฏิเสธอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ หยิ้นอั้วฮั้ง โกรธเป็นอย่างมากถึงกับประกาศว่าจะไปถล่มสำนักหานซานด้วยตนเอง เหล้งฮู้ชง จึงจำต้องจาก หยิ้นอิ๋งอิ๋ง ณ ที่ผาไม้ดำ


ข่าวการปฏิเสธตำแหน่งรองประมุขพรรคตะวันจันทรา และตัดใจจาก หยิ้นอิ๋งอิ๋ง ของ เหล้งฮู้ชง เป็นที่ชื่นชมไปทั่วในความมีคุณธรรม ถึงกับยอมตัดใจจากคนรัก หลังจากกลับมาถึง สำนักหานซาน ไต้ซือฟางเจิ้นเจ้าอาวาสวัดเส้าหลิน และนักพรตชงซีเจ้าสำนักบู๊ตึ๊ง ได้พาศิษย์มาช่วยเหลือต้านก บุกโจมตีของพรรคมาร ไต้ซือฟางเจิ้น ได้มอบ คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดจาก วิชามหาเวทดูดดาว โดยอ้างว่าเป็นคัมภีร์ของ ฟงชิงหยาง หลังจากที่ เหล้งฮู้ชง สร้างกระท่อมไม้ไผ่บนเขาหานซาน เพื่อหวังเป็นกระท่อมพักกายอยู่อย่างสงบ หยิ้นอิ๋งอิ๋งได้มาหา เหล้งฮู้ชง หลังจากที่จากกันที่ผาไม้ดำ งักปุ๊กคุ้ง จึงถือโอกาสนี้จับตัว หยิ้นอิ๋งอิ๋ง ไปหัวซานเพื่อบีบให้ เหล้งฮู้ชง ไปติดกับ

ในเวลาเดียวกัน ลิ้มเพ้งจือ เองก็ตรงมายังหัวซานเพื่อแก้แค้นเช่นกัน ในระหว่างการต่อสู้ของ ลิ้มเพ้งจือ กับ งักปุ๊กคุ้ง นั้นเอง ด้วยความช่วยเหลือของ งักฮูหยิน ทำให้ช่วย หยิ้นอิ๋งอิ๋ง ออกมาได้ แต่แล้วด้วยความหมดอาลัยตายอยากต่อ งักปุ๊กคุ้ง ผู้เป็นสามี จึงได้ฆ่าตัวตาย ระหว่างที่ เหล้งฮู้ชง และ หยิ้นอิ๋งอิ๋ง ฝังศพของ งักฮูหยิน แล้ว ก็เดินทางกลับหานซาน แต่กลับพบว่าสำนักหานซานถูก งักปุ๊กคุ้ง ถือโอกาสโจมตีและบังคับพาตัวศิษย์หานซานไปผาไม้ดำ เหล้งฮู้ชง และ หยิ้นอิ๋งอิ๋ง จึงตามไปที่ผาไม้ดำงักปุ๊กคุ้ง ได้เข้าจู่โจมผาไม้ดำ และได้ประมือกับ หยิ้นอั้วฮั้ง แม้ หยิ้นอั้วฮั้ง และทูตซ้าย เฮี้ยงหมึ่งที จะลงมือพร้อมกัน ก็ไม่อาจเอาชนะ งักปุ๊กคุ้ง ได้ 

เมื่อ เหล้งฮู้ชง และ หยิ้นอิ๋งอิ๋ง มาถึงที่ผาไม้ดำ หยิ้นอิ๋งอิ๋ง เห็นผู้เป็นพ่อกำลังเสียท่า จึงยื่นมือเข้าช่วย แต่สุดท้ายก็ยังสู้ งักปุ๊กคุ้ง ไม่ได้ หยิ้นอิ๋งอิ๋ง บาดเจ็บ เฮี้ยงหมึ่งที บาดเจ็บสาหัส ส่วน หยิ้นอั้วฮั้ง ต้องจบชีวิตลง งักปุ๊กคุ้ง เหมือนจะได้ในสิ่งที่ตนปรารถนา คือ ยอดฝีมืออันดับหนึ่งในแผ่นดิน และแล้วการต่อสู้ระหว่าง เหล้งฮู้ชง กับ งักปุ๊กคุ้ง ก็เริ่มขึ้น ในครั้งนี้ ทั้งคู่ต่างใช้ฝีมือที่มีอยู่ทั้งหมดเข้าสู้กัน แม้ เพลงกระบี่ปราบมาร จะร้ายกาจ แต่ก็ไม่อาจตั้งรับการบุกโจมตีของ เก้ากระบี่ต๊กโกว ได้ จึงต้องพ่ายแพ้และจบชีวิตไปในที่สุด หลังจากศึกบนผาไม้ดำจบลง เหล้งฮู้ชง ได้สละตำแหน่งเจ้าสำนักให้แก่ อี้ลิ้ม ศิษย์เอกแห่งสำนักหานซาน รับสืบทอดต่อไป และไปใช้ชีวิตอยู่ในกระท่อมไม้ไผ่ ดื่มเหล้า บรรเลงบทเพลงเย้ยยุทธจักร กับ หยิ้นอิ๋งอิ๋ง ใช้ชีวิตอย่างสงบ


โครงเรื่องจาก: กระบี่เย้ยยุทธจักร (Xiao Ao Jiang Hu) เวอร์ชันปี 2001 ตัวละครในเรื่อง เหล้งฮู้ชง (令狐沖 - หลิงหูชง) ศิษย์เอกแห่งสำนักหัวซาน (華山派) เป็นคนไม่ยึดติดกฎเกณฑ์ มีนิสัยเปิดเผย ชอบช่วยเหลือคน วันหนึ่งได้มีวาสนาพบเจอกับ ฟงชิงหยาง (風清揚) ปรมาจารย์สายกระบี่สำนักหัวซาน สำเร็จวิชา เก้ากระบี่ต๊กโกว (獨孤九劍) และได้พบรักกับ หยิ้นอิ๋งอิ๋ง ธิดาเทพแห่งพรรคตะวันจันทรา และยังเป็นผู้สืบทอดมหาเวทย์ดูดดาวของ หยิ้นอั้วฮั้ง โดยบังเอิญ

หลังจากสิ้นสุดความวุ่นวาย ได้ปลีกตัวไปอยู่สันโดษกับ หยิ้นอิ๋งอิ๋ง ยิ่มเอี่ยงเอี้ยง (任盈盈 - เยิ่นอิ๋งอิ๋ง) ธิดาเทพแห่งพรรคตะวันจันทรา (日月神教聖姑) ลูกสาวเพียงคนเดียวของอดีตประมุขพรรคตะวันจันทรา หยิ้นอั้วฮั้ง ภายหลังได้พบรักกับ เหล้งฮู้ชง ยิ่มอั้วเกี่ย(任我行 - เยิ่นหว่อสิง) อดีตประมุขพรรคตะวันจันทราถูก ตงฟางปุ๊ป้าย ได้ชิงตำแหน่งประมุขไป  และถูกจับขังอยู่ในคุกใต้ทะเลสาบ 12 ปี ภายหลังออกมาได้โดยการช่วยเหลือของ เหล้งฮู้ชง กับเฮี้ยงหมึ่งที หลังจากออกมาได้แล้ว ก็ชิงตำแหน่งประมุขคืนจาก ตงฟางปุ๊ป้าย เฮี้ยงหมึ่งที (向問天 - เซี่ยงเหวินเทียน)ทูตขวาแห่งพรรคตะวันจันทรา คนสนิทของ หยิ้นอั้วฮั้ง เป็นผู้วางแผนการให้ เหล้งฮู้ชง ช่วย หยิ้นอั้วฮั้ง ออกจากคุกใต้ทะเลสาบ งักปุ๊กคุ้ง (岳不群 - เยวี่ยปุ๊ฉวิน) ฉายา กระบี่ผู้ดี (君子劍) เจ้าสำนักหัวซานสายลมปราณ(華山派氣宗) และเป็นอาจารย์ผู้ชุบเลี้ยง เหล้งฮู้ชง มาตั้งแต่เด็ก ภายหลังเพียงเพื่อชิง เพลงกระบี่ปราบมาร (辟邪劍法) จึงได้ใส่ร้าย เหล้งฮู้ชง และขับ เหล้งฮู้ชง ออกจากสำนัก ภายหลังสำเร็จ เพลงกระบี่ปราบมาร และได้ขึ้นเป็นประมุขพรรค 5 ขุนเขากระบี่

ตังฮึงปุกป่าย (東方不敗 - ตงฟางปุ๊ป้าย) หรือ บูรพาไร้พ่าย (บูรพาไม่แพ้) ผู้สำเร็จ วิชาทานตะวัน แต่เพียงผู้เดียว ประมุขพรรคตะวันจันทรา ฝีมือไร้เทียมทาน แม้ หยิ้นอั้วฮั้ง เหล้งฮู้ชง เฮี้ยงหมึ่งที และหย้นอิ๋งอิ๋ง 4 คน จะร่วมมือกัน ก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้ หากแต่ ตงฟางปุ๊ป้าย มัวห่วงคนรัก หยางเหลียนถิง (楊蓮亭) จึงได้พลาดพลั้งถูกกระบี่ของ เหล้งฮู้ชง และตายอยู่เคียงข้าง หยางเหลียนถิง ตงฟางปุ๊ป้าย หลังจากได้ตำแหน่งประมุขพรรคตะวันจันทรา ก็ได้ใช้ชิวิตสันโดษอยู่บนผาไม้ดำ เย็บปักถักร้อย เล่นดนตรี โดยให้คนรัก หยางเหลียนถิง เป็นคนคอยดูแลพรรค 

ฟงชิงหยาง (風清揚) ปรมาจารย์สายกระบี่แห่งสำนักหัวซาน(華山派劍宗) ผู้สืบทอด เก้ากระบี่ หลังจากศึกนองเลือดระหว่างสายลมปราณและสายกระบี่ ก็ได้เร้นกายอยู่บนผาสำนึกตน จนได้พบกับ เหล้งฮู้ชง จึงได้ถ่ายทอด เก้ากระบี่ต๊กโกว ให้ ลิ้มเพ้งจือ (林平之 - หลินผิงจือ) ผู้สืบทอดสำนักคุ้มภัย ฟุ้เวย (福威鏢局) เจ้าของที่แท้จริงของ เพลงกระบี่ปราบมาร แต่ก็เพราะเพลงกระบี่ชุดนี้ ทำให้ต้องบ้านแตก ถูก อื้อชางไห่ (余滄海) ฆ่าล้างสำนัก เพื่อหวังจะชิง เพลงกระบี่ปราบมาร แต่ได้รับความช่วยเหลือจาก เหล้งฮู้ชง จึงได้รอดชีวิต 

ต่อมา งักปุ๊กคุ้ง รับเป็นศิษย์สำนักหัวซาน ได้แต่งงานกับงักเล้งซัง งักปุ๊กคุ้ง ใช้เล่ห์กลชิง เพลงกระบี่ปราบมารไปและคิดฆ่าตนปิดปาก นับว่ายังโชคดีรอดชีวิตมาได้ และยังพบ เพลงกระบี่ปราบมาร จากใต้ผาสำนึกตน หลังจากสำเร็จวิชา จึงได้เริ่มการแก้แค้น ผู้ที่ทำร้ายตนและครอบครัว งี้นิ้ม หรือ อี้หลิน(儀琳)แม่ชีน้อย ศิษย์สำนักหานซาน(恆山派) วันหนึ่งถูก เถียนป๋อกวง จับตัวไว้หมายจะทำมิดีมิร้าย เหล้งฮู้ชง ได้เข้าช่วยเหลือ จึงได้แอบหลงรัก เหล้งฮู้ชง แต่เพราะตนเป็นผู้ออกบวช จึงได้แต่เก็บเอาไว้ในใจ ภายหลังได้รับสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักหานซานต่อจาก เหล้งฮู้ชง



เถียนป๋อกวง (田伯光) โจรปล้นสวาท ฉายา ฉายเดี่ยวหมื่นลี้ (萬里獨行) เพราะ อี้ลิ้ม จึงได้รู้จักกับ เหล้งฮู้ชง หลังจากแพ้ให้ เหล้งฮู้ชง จึงต้องรับ อี้ลิ้ม เป็นอาจารย์ และได้คบหาเป็นเพื่อนกับ เหล้งฮู้ชง จ้อแหน้เซี้ยง (左冷禪 - จั๋วเหลิ่งซาน) เจ้าสำนักซงซาน (嵩山派掌門) ผู้นำ 5 ขุนเขากระบี่ (五嶽劍派盟主) เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง คิดเป็นเจ้ายุทธจักร โดยเริ่มต้นจากการรวม 5 ขุนเขากระบี่เป็นหนึ่งเดียว สุดท้ายต้องฝันสลาย ถูกงักปุ๊กคุ้งฆ่าตาย ในการประลองคัดเลือกประมุขพรรค 5 ขุนเขากระบี่ งักเล้งซัง (岳靈珊 - เยวี่ยหลิงซาน) ลูกสาวเพียงคนเดียวของ งักปุ๊กคุ้ง สนิทสนมและฝึกวิชากับ เหล้งฮู้ชง มาตั้งแต่เด็ก ทั้งคู่ต่างชอบพอกัน

จนกระทั่ง ลิ้มเพ้งจือ เข้าสำนัก  ด้วยความใกล้ชิดจึงได้เปลี่ยนใจไปรัก ลิ้มเพ้งจือ และแต่งงานเป็นสะใภ้ตระกูลลิ้ม แต่สุดท้ายก็ต้องตายด้วยมือของสามีนางเอง ม่อต้า ผู้อาวุโสแห่งสำนักเหิงซาน มีฉายาว่า พิรุณราตรี เป็นศิษย์พี่ของเจ้าสำนักเหิงซาน หลิวเจิ้นฟง เพลงกระบี่ว่องไว เมื่อชักออกจากฝัก จะถูกเก็บอย่างรวดเร็ว ศัตรูไม่ทันได้ชักกระบี่ ก็ต้องลงไปนอนจมกองเลือดซะแล้ว

ภายหลังรับตำแหน่งเจ้าสำนักเหิงซานต่อจาก หลิวเจิ้นฟง ใต้ซือฟางเจิ้น (方證大師) เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินคนปัจจุบัน เป็นหลวงจีนที่ทุกคนให้ความยำเกรง มีกำลังภายในสูง เป็นผู้ที่ช่วยบรรเทาอาการบาดเจ็บของ เหล้งฮู้ชง จากลมปราณ 8 สายที่อยู่ในตัว ภายหลังยังมอบคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น สลายผลร้ายที่เกิดจาก มหาเวทย์ดูดดาว อีกด้วย นักพรตชงซี เจ้าสำนักบู๊ตึ๊งคนปัจจุบัน เป็นอีกผู้หนึ่งที่ทุกคนล้วนให้ความยำเกรง เป็นสหายของใต้ซือฟางเจิ้น และเป็นอีกคนที่คอยให้ความช่วยเหลือแก่ เหล้งฮู้ชง งักฮูหยิน(寧中則) เป็นอาจารย์หญิงของ เหล้งฮู้ชง และเป็นผู้ที่ เหล้งฮู้ชง ให้ความเคารพดั่งแม่แท้ๆ เป็นจอมยุทธหญิงที่มีชื่อเสียง ภายหลังได้ฆ่าตัวตาย เพราะทนความเลวทรามของ งักปุ๊กคุ้ง ผู้เป็นสามีไม่ได้ 

เคล็ดวิชาในกระบี่เย้ยยุทธจักร เก้ากระบี่เดียวดาย หรือ เก้ากระบี่ต๊กโกว (獨孤九劍) วิชาของมารกระบี่ ต๊กโกวคิ้วป้าย แซ่ของเขาคือ "ต๊กโกว" (獨孤) มีฉายาว่า "คิ้วป้าย" (求敗) แปลว่า "แสวงพ่าย" เพลงกระบี่เก้ากระบี่ต๊กโกว มีอยู่ 9 เคล็ด เพียง 1 เคล็ดก็สามารถผันแปรได้อีก 360 ท่า 

ทุกกระบวนท่าของเพลงกระบี่ชุดนี้มีแต่รุก กดดันให้คู่ต่อสู้ต้องเป็นฝ่ายตั้งรับ ใช้ไร้กระบวนท่าพิชิตกระบวนท่า โดยมีคติว่า "เมื่อไม่มีกระบวนท่า แล้วจะรับยังไง" ดังนั้น เก้ากระบี่ต๊กโกว จึงเป็นเพลงกระบี่ไร้พ่าย ตามเนื้อเรื่อง ผู้สืบทอดเพลงกระบี่ชุดนี้ คือ ฟงชิงหยาง หรือ ฮวงเช็งเอี้ยง ปรมาจารย์สายกระบี่แห่งสำนักหัวซาน 

แต่ที่มาการสืบทอดเพลงกระบี่ของ ฟงชิงหยาง นั้น ไม่ได้กล่าวไว้ ภายหลังได้ถ่ายทอดวิชานี้ต่อให้กับ เหล้งฮู้ชง ขณะที่อยู่บนผาสำนึกตน เพลงกระบี่ปราบมาร (辟邪劍法) และ วิชาทานตะวัน ทั้ง 2 วิชา มีที่มาจากคัมภีร์ทานตะวัน (葵花寶典) ซึ่งสมัยก่อนมีขันทีคนหนึ่งบัญญัติขึ้นเป็นวิชาสำหรับขันทีโดยเฉพาะและบันทึกเอาไว้บนจีวรแดง ว่ากันว่าวิชาใน คัมภีร์ทานตะวัน สุดแสนวิเศษล้ำเลิศ 300 ปีที่ผ่านไม่มีผู้ใดฝึกได้สำเร็จเลย

ต่อมาได้มีศิษย์ 2 คนของสำนักหัวซาน คือ งักซู่แห่งสายลมปราณ และ ไฉ้จื่อฟงแห่งสายกระบี่ ไปแอบอ่านคัมภีร์เข้า แล้วศึกษาจนคิดค้นวิชาออกมาเป็น 2 วิชา นั่นก็คือ เพลงกระบี่ปราบมาร และวิชาทานตะวัน แต่ก็นับว่าทั้ง 2 วิชาเป็นเพียงเศษเสี้ยวของคัมภีร์ของจริงเท่านั้น หากแต่ทั้ง 2 ไม่ได้ฝึกวิชาทั้ง 2 นี้ 

ต่อมาผู้เฒ่า 10 คนของพรรคตะวันจันทราได้ข่าวนี้เข้า จึงได้บุกมาหัวซานเพื่อชิงคัมภีร์ และได้ชิงวิชาทานตะวันไป งักซู่ (岳肅) และ ไฉ้จื่อฟง (蔡子峰) ก็ได้ตายในศึกนี้นี่เอง 10 ปีให้หลัง 10 ผู้เฒ่าแห่งพรรคตะวันจันทราได้บุกสำนักหัวซานอีกครั้ง แต่กลับถูกแผนร้ายกักขังไว้ในถ้ำบนผาสำนึกตนจนตาย ส่วนกระบี่ปราบมารได้ตกไปอยู่กับนักบวชเส้าหลินรูปหนึ่งนามว่า ตู้หย่วน ต่อมาได้เข้าสู่ยุทธภพ แต่งงานและเปลี่ยนชื่อเป็น ลิ้มเอี้ยงทู้ (林遠圖)พ่อของ ลิ้มติ้งนั้ง (林震南)หรือก็คือปู่ของ ลิ้มเพ้งจือ(林平之) นั่นเอง 

อวิชชาดูดดาว (吸星大法) เป็นวิชาสุดยอดวิชา อีกแขนงโดยแตกสาย  มาจากลมปราณภูติอุดรในแปดเทพอสูร ซึ่งเป็นวิชาที่ติงชุนชิวฝึกมาโดยไม่สมบูรณ์แล้วใช้มาเป็นวิชาของตัวเองในชื่อวิชาสลายพลัง ต่อมาในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรใช้ในชื่อ อวิชชาดูดดาว ซึ่งมาจากพลังสายเดียวกับวิชาสลายพลังผู้ที่ใช้วิชานี้คือประมุข ยิ้นอั้วฮั้ง แห่งพรรคตะวันจันทรา 

ซึ่งในตอนหลัง ยิ้นอั้วฮั้ง ใช้เวลาที่อยู่ในคุกใต้ทะเลสาบคิดวิธีที่สลายพลังให้มาเป็นของตังเองได้อย่างสมบูรณ์ โดยแนวทางเป็นวิชาที่ดูดพลังของคู่ต่อสู้ แล้วหลอมรวมมาเป็นของตนเอง โดยผู้ที่ฝึกวิชานี้ได้สมบูรณ์ที่สุดคือต้วนอี้ ในแปดเทพอสูรมังกรฟ้า 

สำหรับเล้งฮู้ชชงนั้นก็ได้ฝึกวิชานี้จากแผ่นเหล็กที่ยิ่นอั้วฮังจารึกไว้ในคุกใต้ทะเลสาป ในช่วงแรกนั้นเล้งฮู้ชงไม่สามารถหลอมรวมลมปราณเข้าด้วยกันได้ ทำให้ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่นาน จนกระทั่งสุดท้ายได้ฝึกวิชาย้ายเส้นเอ็นแห่งวัดเส้าหลินจนกระทั่งรวมลมปราณเข้าด้วยกันได้สำเร็จ คัมภีร์รัศมีม่วง (紫霞神功) คือวิชาลมปราณขั้นสูงสุดของสำนักหัวซานสายลมปราณ ผู้สืบทอดวิชาคือ งักปุ๊กคุ้ง เจ้าสำนักหัวซาน วิชาปราณรัศมีม่วงเป็นสุดยอดวิชาแห่งสำนักหัวซานสายลมปราณซึ่งเป็นที่ปรารถนาของชาวยุทธ์ ด้วยวิชานี้จึงทำให้งักปุกคุ้งเป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆของยุทธภพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น